ข่าวการจับกุมร้านขาย "บุหรี่เถื่อน" ครั้งล่าสุด ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2566 ถือเป็นการปราบปรามครั้งใหญ่ ตอกย้ำ "บุหรี่เถื่อน" ยิ่งปราบ ยิ่งระบาด มีการลักลอบนำเข้าผิดกฎหมายมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ อาทิ จ.สงขลา พัทลุง สุราษฎร์ธานี ฯลฯ ผ่านขบวนการใหญ่นำเข้าแบบเลี่ยงภาษี ขณะที่บางร้านเปิดจำหน่ายอย่างเปิดเผยไม่เกรงกลัวกฎหมาย
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ "บุหรี่เถื่อน-บุหรี่ปลอม" เป็นที่นิยม คือ "ราคา" ที่ถูกกว่าบุหรี่ถูกกฎหมายหลายเท่าตัว สวนทางกับการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ ตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 และ พ.ศ. 2564 ที่ขยับราคาบุหรี่ในประเทศไทยปรับสูงขึ้นจากเดิมมาก โดยบุหรี่ตราที่ขายในราคา 51 บาท ปรับขึ้นเป็น 60 บาท และ 66 บาท
ซ้ำร้ายปัจจุบัน "ธุรกิจบุหรี่เถื่อน" ยิ่งเติบโต เมื่อมีการซื้อ-ขายกันอย่างแพร่หลายผ่านช่องทางออนไลน์ เนื่องจากมีต้นทุนต่ำ ไม่ต้องมีหน้าร้านให้ถูกเจ้าหน้าที่เพ่งเล็ง เมื่อพบการกระทำผิด ก็สามารถปิดเว็บไซต์แล้วเปิดใหม่ได้ไม่จำกัด ที่สำคัญการขายผ่านออนไลน์ยังเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายและตรงความต้องการอีกด้วย
จากข้อมูลบุหรี่เถื่อนที่ "สมาคมการค้ายาสูบไทย" เผยแพร่เรื่องการซื้อขายผ่านโลกออนไลน์ พบว่าการถามซื้อและเสนอขายผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ เกี่ยวกับ "บุหรี่เถื่อน" ในระยะเวลา 3 เดือน คือ เดือน ก.ค. ส.ค. และก.ย. 2565 มีความเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 97% โดยช่องทางที่ถูกใช้เพื่อพูดถึง เรื่องบุหรี่เถื่อนมากที่สุด คือ ทวิตเตอร์ 91% รองลงมาคือเฟซบุ๊ก 9% และเว็บบอร์ด 1% ขณะที่ สัดส่วนการบริโภคบุหรี่ผิดกฎหมายเพิ่มจาก 6.2% ในปี 2563 เป็น 10.3% ในปี 2564 สูงสุดในรอบ 10 ปี ทำรัฐสูญเสียรายได้กว่า 7,000 ล้านบาทต่อปี ร้านค้าที่จำหน่ายบุหรี่ถูกกฎหมายกว่า 500,000 ราย และชาวไร่ยาสูบกว่า 30,000 ครอบครัว ต้องขาดรายได้และกำไรหายไปกว่าร้อยละ 50 ต่อเดือน
การแพร่ระบาดของ "บุหรี่เถื่อน-บุหรี่ปลอม" กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ภาครัฐต้องเร่งแก้ไข เพราะนอกจากการจับกุมและบังคับใช้กฎหมายอย่างหละหลวม จะสะท้อนถึงการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้กระทำผิด จนกลายต้นตอของการทุจริตคอรัปชั่น ที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ และการเอาจริงเอาจังของรัฐบาลแล้ว ปัญหานี้ยังส่งผลกระทบต่อกิจการยาสูบของรัฐ ที่ถูกบุหรี่เถื่อนเข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาดและรายได้ไป ชาวไร่ยาสูบต้องเดือดร้อน ตลอดจนส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต กระทบรายได้ของรัฐที่ต้องสูญเสียไปกับธุรกิจใต้ดินดังกล่าวจำนวนมหาศาล
ดังนั้น รัฐบาลจึงจำเป็นที่จะต้องยกระดับการปราบปรามเรื่องสินค้าผิดกฎหมายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งบุหรี่ สุรา และสินค้าอื่นอย่างเข้มข้น รวมถึงการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ตัดวงจรอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่ารัฐบาลจริงกับการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบขนสินค้าเถื่อน ไม่เช่นนั้น อาจถูกตั้งคำถาม ไล่จับกันมานานหลายสิบปี เหตุใดยังไม่หมดไปสักที หรือผู้มีอำนาจก็มี "ผลประโยชน์ใต้ดิน"