เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 17 ก.ค. 66 ที่รัฐสภา นายอานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน(ศปปส.) และกลุ่มนักรบเลือดสีน้ำเงิน กล่าวภายหลังการเข้ายื่นหนังสือถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานผู้แทนราษฏร เพื่อคัดค้านการแก้ไข รัฐธรรมนูญ มาตรา 272 โดยมีนายเจษ อนุกูลโภคารัตน์ ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานประสานการเมืองและรับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวแทนรับหนังสือว่า การมายื่นหนังสือในวันนี้ มีอยู่เรื่องเดียวคือเรื่องที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกลได้มายื่นแก้ไข ม.272 จะปิดสวิตช์สมาชิกวุฒิสภา (สว.) วันนี้ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน จึงขออนุญาตมาเปิดสวิตช์ ส.ว. พร้อมถามถึงนายพิธา ว่าทำไมถึงไม่ยอมลดเพดานในการแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่ร้ายแรงกว่า คือกำลังจะจัดระเบียบสถาบันพระมหากษัตริย์ ถ้านายพิธา เป็นนายกฯ ตนคิดว่าอันตรายจะเกิดขึ้นกับประชาชนผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
นายอานนท์ กล่าวต่อว่า ไม่ว่านายพิธา หรือพรรคก้าวไกล จะทำอะไรต่อไปนี้ ศปปส. จะคอยเฝ้าติดตามให้พรรคก้าวไกลรู้ว่าอุปสรรคในการแตะต้องสถาบันคือ ศปปส. ดังนั้น วันนี้จึงขอไม่สนับสนุนให้นายพิธา เป็นนายกฯ เพราะไม่ยอมลดเพดานในการแก้ไข ม.112 ที่ร้ายคือการจะดึงหมวดพระมหากษัตริย์ ม.112 ออกจากฝ่ายความมั่นคง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราจะไม่ยอม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นนายพิธา จะต้องไม่ได้เป็นนายกฯ แม้ต่อไปนี้บอกว่าจะลดเพดาน เราก็ไม่เชื่อ เราไม่รู้ว่าเบื้องหลังมีอะไรหรือไม่ ปกติท่าทีก็อยากเป็นนายกฯ แต่อาจมีอะไรอยู่เบื้องหลังจึงไม่ยอมลดเพดานลง
“ศปปส. และนักรบเลือดสีน้ำเงิน จึงมายืนยัน ขัดขวาง และคงไว้ซึ่งมาตรา 272 เพื่อให้ ส.ว.อยู่คานอำนาจต่อไป” นายอานนท์ กล่าว
เมื่อถามว่า "ขัดขวาง" ฟังรุนแรงไปหรือไม่ นายอานนท์ กล่าวว่า ไม่รุนแรง เพราะสิ่งที่นายพิธาทำรุนแรงกว่านั้น เช่นให้การสนับสนุนกลุ่มที่ล้มล้าง, หมิ่นสถาบันฯ และขอฝากถึงผู้ที่ให้การสนับสนุนนายพิธา ยกมือให้นายพิธา เป็นนายกฯ เมื่อไหร่ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่านายพิธา และพรรคก้าวไกลผิด ม.49 วันนั้น ศปปส. จะเช็คบิลทุกพรรค