วันนี้ (17 ก.ค.66) เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายศรีสุวรรณ จรรยา และคณะ ได้เดินทางมายื่นคำร้องถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อขอให้ตรวจสอบการจัดทำทีโออาร์และการประมูลโครงการจัดตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ หรือศูนย์ฉุกเฉิน 191 ซึ่งใช้งบกว่า 7 พันล้านบาทในรอบที่ 3 ซึ่งมีข้อพิรุธ-ฮั้วประมูล ซึ่งอาจซ้ำรอยเดิมที่เคยจัดทำทีโออาร์และประมูลล่มมาแล้วถึง 2 ครั้งแม้จะแยกประมูลออกเป็น 3 ส่วนก็อาจซ้ำรอยเดิม
ทั้งนี้ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.2563 เห็นขอบในหลักการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ และบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวช้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข ศูนย์บริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน ศูนย์รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือประชาชนที่ประสบเหตุได้อย่างทันท่วงที โดยได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะงบประมาณทั้งสิ้น 7,095,968,000 บาท (เจ็ดพันเก้าสิบห้าล้านเก้าแสนหกหมื่นแปดพันบาทถ้วน)
งบประมาณที่ให้ไว้สำหรับระบบงาน CAD และ Mobile Terminal หรือ Mobile Responder ที่จะต้องติดตั้งบนสถานีตำรวจทั่วประเทศ รถตำรวจหลายหมื่นคัน สำหรับรับแจ้งและประสานงานสั่งการฉุกเฉิน เป็นงบประมาณที่ให้ไว้สำหรับซื้อ Software Package ที่คล้ายคลึงกับหลายประเทศทั่วโลกใช้ ในรูปแบบ Software Package โดยต้องเป็นไปตามมาตรฐานของ NENA และ EENA ตลอดจนมีการ Support และ บริการหลังการขายเป็นที่ยอมรับทั่วโลก
โครงการดังกล่าวสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามขั้นตอนแห่งพรบ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 มาตั้งแต่ปี 2563 แต่มีการร้องเรียนว่า มีการเขียนแก้ไขทีโออาร์เอื้อให้กับเอกชนที่มีความเชื่อมโยงกับบิ๊กๆของ สตช.และ ครม. เป็นโครงการที่มีการล็อคสเป็ก เพราะได้เตรียมจัดหาบริษัทผู้ที่จะชนะประมูลงานไว้แล้ว จนทำให้การประมูลล้มไปแล้วถึง 2 ครั้ง เพราะบริษัทที่ล็อคสเปกไว้ทดสอบโปรแกรมไม่ผ่าน
การจัดประมูลรอบนี้กลับมาเริ่มต้นใหม่โดยมีการแยกโครงการออกเป็น 3 ส่วนซอยงานประมูลให้น้อยลงเพื่อแบ่งเค้กกัน โดยมีการแยก Software Package ออกไปโดยมีการเขียนโปรแกรมใหม่ขึ้นมารองรับโดยไม่ต้องซื้อทั้ง Package ทำให้ได้ราคาที่ถูกลงซึ่งจะทำให้เหลือเงินในการประมูลเป็นค่าต๋งให้กับนักการเมืองที่มาคุมสายงานนี้มากขึ้น หลายพันล้านบาทนั่นเอง
องค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เห็นข้อพิรุธดังกล่าว จึงนำความมาร้อง ผบ.ตร.อีกครั้งเพื่อให้มีการตรวจสอบข้อพิรุธต่าง ๆ ดังกล่าวเพื่อให้โครงการฯเกิดความโปร่งใสและเกิดประสิทธิผลในการจัดตั้งศูนย์ฯที่สามารถใช้งานได้จริงต่อไป หากพบมีการฮั้วและล็อคสเปกกันจริงให้ดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด