วันที่ 15 ก.ค. 66 ที่โรงแรมริเวอร์ไซด์ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวก่อนการประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 2/2566 ของพรรคเสรีรวมไทย ในวาระการเลือกกรรมการบริหารพรรคที่ว่างลง และอื่นๆ ถึ​งกรณี​พรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคก้าวไกล(ก.ก.) นัดหารือ เพื่อเตรียมส่งชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกครั้งในการโหวตนายกฯ ครั้งที่ 2 ควรเสนอชื่ออื่นด้วยหรือไม่ เพื่อให้ผ่านเสียงโหวตของ ส.ส. และ ส.ว. ว่า​ จะเสนอกี่คนก็ได้ทั้งนั้น เพราะไม่มีข้อบังคับ ส่วนที่ ส.ว. อ้างข้อบังคับไม่ส่งชื่อนายพิธาซ้ำ ตามข้อบังคับที่ 41 นั้น เป็นคนละส่วนกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ตนมองว่าก็ยังเสนอได้นายพิธาไม่ได้หมดสิทธิ์ ใครก็เสนอได้ พรรคก้าวไกลจะเป็นผู้เสนอหรือตนเสนอก็ทำได้

"เวลาอ่านหนังสือต้องอ่านให้ครบ ต้องอ่านทั้งเล่มไม่ใช่อ่านข้อเดียวแล้วมาคุย ถ้าอ่านข้อเดียวก็จะเจอข้อที่ 41 ที่กำหนดไว้ว่าญัตติที่เสนอไปแล้ว ถูกตีตกห้ามนำญัตติเดิมมาพิจารณาใหม่ เว้นแต่ประธานสภาฯ จะอนุญาต แต่จะเถียงกันอย่างไร ก็เป็นอำนาจของประธานสภาฯ​"

ขณะที่ในการโหวตนายกฯ วันที่ 19 ก.ค. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ กล่าวว่า ถ้าตนเป็นประธานสภาฯ​ จะไม่ให้อภิปรายแล้วเพราะอภิปรายกันไปหมดแล้ว ไม่มีอะไรจะพูด อภิปรายซ้ำๆ เดิมๆ ครั้งที่แล้วก็เป็นการเลือกนายกรัฐมนตรี แต่กลับอภิปรายเรื่องมาตรา 112 ตนก็เลยต้องอภิปรายตามไปด้วย​ เพราะคนยังไม่เข้าใจเรื่องมาตรา 112 ทั้ง ส.ว.​ และ ส.ส.​ มีความรู้ขนาดไหนก็ไม่เข้าใจ​ ความจริงมาตรา 112 เป็นกฎหมายอาญา ถึงอย่างไรก็แก้ได้ตามรัฐธรรมนูญ และมีการแก้มาหลายครั้งแล้ว ไม่ใช่ไม่รู้เรื่องอะไรแล้วมาแสดงความคิดเห็น

เมื่อถามต่อว่า การโหวตรอบแรกเสียงของนายพิธายังไม่ได้ แล้วรอบ 2 จะได้หรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์​ กล่าวว่า​ มีการเว้นระยะเวลาการโหวตทั้ง 2 ครั้งไว้ จากวันที่ 13 ก.ค.​ เป็นวันที่ 19 ก.ค  เพื่อให้มีเวลาประสาน​ พร้อมมองว่า พรรคก้าวไกลมีโอกาสไม่มาก เพราะส่วนใหญ่จะปิดกั้นตัวเอง นี่ก็ไม่ได้​ นั่นก็ไม่ได้​ ไปยกมาตรฐานไว้สูงเลย

"พอมี 312 เสียง จะไปหาเพิ่ม ไปติดต่อพรรคชาติพัฒนากล้า ที่มี 2 เสียง แต่พอด้อมส้มทั้งหลายที่ไม่รู้เรื่องพูดมาหน่อย ก็ถอยแล้ว​ ไปฟังเสียงพวกนี้ทำไม​ พวกนี้มีอะไรกับพรรคก้าวไกล​ ไม่ได้มีอิทธิพลอะไรหรอก​ ไปฟังใครก็ไม่รู้" 

ทั้งนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ ยังยืนยันว่า ในวันที่ 19 ก.ค. นี้ พรรคเพื่อไทยจะไม่เสนอชื่อแคนดิเดตแข่งกับพรรคก้าวไกล​ เปิดโอกาสให้พรรคก้าวไกลอย่างเต็มที่​ คบหากันมา​ คุยกันมา​ ทำ​ MOU​ กัน​ เพื่อเปิดสิทธิ์ให้พรรคก้าวไกลเป็นนายกฯ​ พรรคเพื่อไทยก็คิดอย่างนั้น​ จะ​ 2 ครั้ง​ 3 ครั้ง​ 4​ ครั้ง​ ก็ได้​

"ถึงแม้จะเปลี่ยนไปเป็นเพื่อไทย​ ในขั้นต้น​ พรรคเพื่อไทยก็จะยังต้องเอาพรรคก้าวไกลไว้ พูดมาตลอดจะเสียคำพูดได้อย่างไร เพราะหากเสียคำพูดก็คบกันไม่ได้ เพื่อไทยกับก้าวไกลต้องคุยกันไปเรื่อยๆ"

เมื่อถามว่า หากพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลแยกทางกัน จนพรรคเพื่อไทยไปเป็นรัฐบาล พรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน​ พรรคเสรีรวมไทยจะมีจุดยื่นอย่างไร พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์​ กล่าวว่า​ ขอให้ไปย้อนฟังการสัมภาษณ์​ของตนได้ทุกครั้ง​ ตนบอก มาตลอดว่าไม่เอาเผด็จการ​ ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์โอชา 

"ผมบอกว่าถ้าเป็นพล.อ.ประวิตร ผมเอาได้ คนมาวิพากษ์วิจารณ์ผม ก็ผมจะเอาแล้วทำไม พอ พล.อ.ประยุทธ์ไม่อยู่​ ผมก็รวมได้หมด​ ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ ถ้าเขาไม่เอารวมไทยสร้างชาติ ผมก็รวมได้ ผมไม่ใช่คนปิดกั้นตัวเอง ผมเปิดได้หมด ก็ผมบอกว่าคนรัฐประหาร​คือ พล.อ.ประยุทธ์​ พล.อ.ประวิตร เพียงแค่ถูกเชิญมาร่วมรัฐบาลเฉยๆ ก็ไม่ใช่คนรัฐประหาร​"