เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 14 ก.ค. 66 ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล, นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล, นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมด้วยส.ส.พรรคก้าวไกล เดินทางมายื่นร่างกฎหมายแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ยกเลิกอำนาจสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในการเลือกนายกรัฐมนตรี ต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร
โดยนายชัยธวัช กล่าวว่า วันนี้ ส.ส.ของพรรคก้าวไกลในฐานะสมาชิกรัฐสภา ได้เข้าชื่อกันซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญเพื่อยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่มีสาระสำคัญ คือเสนอให้ยกเลิกมาตรา 272 ในบทเฉพาะกาล ซึ่งให้อำนาจสมาชิกวุฒิสภา ในการมีส่วนร่วมในการเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราวเราขอเรียกว่าเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อคืนอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรีให้แก่ประชาชน ก่อนหน้านี้เราอาจจะเรียกกันติดปากว่า “ปิดสวิตช์ส.ว.” สืบเนื่องจากการโหวตในการประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ปรากฎว่ามีสมาชิกวุฒิสภาจำนวนมากได้งดออกเสียง เป็นจำนวนถึง 159 คน และไม่มาประชุมอีก 43 คน ซึ่งหลายคนได้แสดงออกอย่างชัดเจน ว่าตนเองไม่ประสงค์ที่จะใช้สิทธิ์ใช้อำนาจ ทำหน้าที่ในการเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องของส.ส. ดังนั้น เมื่อท่านวุฒิสมาชิกจำนวนมากประสงค์ใช้สิทธิ์งดออกเสียง หรือไม่มาประชุม ถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะนำไปสู่ทางตันทางการเมือง พรรคก้าวไกลในฐานะสมาชิกรัฐสภาก็จะเสนอทางออกให้แด่ท่านสมาชิกวุฒิสภา เนื่องจากท่านเองไม่ประสงค์จะใช้อำนาจนี้ด้วยความกระอักกระอ่วนใจ หรือเหตุผลอื่นใดก็ตาม ในการที่จะโหวตนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เป็นนายกมนตรีเชื่อว่าทางนี้อาจจะเป็นทางออกที่ตอบโจทย์ของท่านสมาชิกวุฒิสภาเอง แล้วก็ตอบโจทย์ให้กับระบบรัฐสภาของไทย และเพื่อทำให้การเมืองไทยเดินหน้าต่อไปได้ ทำให้เรามีรัฐบาลชุดใหม่โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ตนในฐานะประธานรัฐสภาได้รับหนังสือจากรองเลขาธิการรวมทั้งสมาชิกพรรคก้าวไกลที่มายื่นเพื่อขอยกเลิกรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ขั้นตอนต่อไปก็จะให้เจ้าหน้าที่ของสภาตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของรายชื่อและเอกสาร ประกอบกับการที่ยื่นมา ซึ่งเมื่อตรวจสอบว่ารายชื่อครบแล้ว ถูกต้องหรือไม่ และสิ่งที่แก้ไขนั้นไม่ได้ขัดกับรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ โดยจะทำให้เร็วที่สุด และเป็นคนละส่วนกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ ในส่วนของการประชุมเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไป ตนได้ส่งหนังสือเชิญให้สมาชิกรัฐสภามาประชุมกันวันพุธที่ 19 ก.ค. ในเวลา 09:30 น. แล้ว
นายชัยธวัช กล่าวเสริมว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นคนละส่วนกับการเลือกนายกรัฐมนตรี แต่สามารถดำเนินการคู่ขนานกันไปได้ เพียงแต่เราไม่ทราบว่าการเลือกนายกรัฐมนตรี จะดำเนินการไปอีกกี่ครั้งถึงจะยุติ เราจึงพยายามหาทุกช่องทางที่จะทำให้สามารถมีข้อยุติในเรื่องนี้ให้ดีที่สุด ดังนั้น เมื่อเป็นแบบนี้ พรรคก้าวไกล และอีก 7 พรรค ก็คงจะต้องทำหน้าที่พยายามขอเสียงจาก ส.ว. มากขึ้นด้วย
เมื่อถามว่า การยื่นเสนอร่างแก้ไขมาตรา 272 ในครั้งนี้ได้ปรึกษาพรรคร่วมอีก 7 พรรคหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่าพรรคก้าวไกลได้ติดต่อประสานงานแจ้งเบื้อต้นให้ทางเลขาธิการพรรคเพื่อไทยทราบแล้ว เนื่องจากพรรคก้าวไกลได้ตัดสินใจในเรื่องระยะเวลาการยื่น และได้ข้อสรุปเมื่อคืนวันที่ 13 ก.ค. โดยเราได้เตรียมมาสักระยะหนึ่ง และสมาชิกพรรคก็ได้เซนต์การเสนอร่างทิ้งไว้ก่อนแล้ว ซึ่งเมื่อได้ข้อสรุป เราจึงตัดสินใจว่าควรจะยื่นเลย เพื่อให้กระบวนการนี้ใช้เวลาสั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเรามีจำนวนส.ส.มากพออยู่แล้ว ในการที่จะเสนอตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้หมายความว่าพรรคเพื่อไทย หรือพรรคอื่นจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ พร้อมยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้ขัดข้องแต่อย่างใด ส่วนในรายละเอียดต่างๆ โดยเฉพาะการเรื่องนายกรัฐมนตรี ในวันนี้ตัวแทนของพรรคก้าวไกล จะมีการหารือกับพรรคเพื่อไทยต่อไป
เมื่อถามว่า จะส่งผลต่อความรู้สึกของส.ว.หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า คงแล้วแต่มุมมอง เชื่อว่าไม่กระทบอะไร เนื่องจากส.ว. ก็ไม่ประสงค์ที่จะออกเสียงอยู่แล้วเราเพียงแต่มองหาทางออกให้ทุกฝ่าย ซึ่งเชื่อว่าส.ว.จำนวนมากก็คงจะยินดี หากท่านเองไม่ต้องใช้สิทธิ์อย่างเป็นทางการ เพราะจะเดินหน้าต่อไม่ได้เลย
เมื่อถามว่า มั่นใจเสียงส.ส.จากพรรคอื่น นอกจาก 8 พรรคร่วมหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร อย่าลืมว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ และได้มีการเสนอไปหลายครั้ง ในสภาสมัยที่แล้ว พรรคที่เป็นฝั่งรัฐบาล เช่น พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ ก็ออกเสียงให้ และเห็นด้วยกับการยกเลิกมาตรา 272 โดยตลอด ในครั้งนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ซึ่งก็มี ส.ว. ให้ความเห็นตั้ง 60 กว่าท่าน นี่จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดของระบบการเมือง
เมื่อถามว่า หลายคนมองว่าเป็นการแก้เกมของพรรคก้าวไกล นายชัยธวัช กล่าวว่า จริงๆ แล้ว เป็นการหาทางออกให้ทุกฝ่ายสบายใจ ในเมื่อท่านมีมโนธรรมสำนึกในใจ ว่าท่านไม่สามารถมาโหวตนายกมนตรีได้ด้วยเหตุผลของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป ดังนั้น เพื่อไม่ให้ท่านต้องทำอะไรที่ขัดกับมโนธรรมสำนึกในใจของท่าน เราก็แก้ไข และยกเลิกมาตรานี้ เพื่อคืนอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรีให้กับประชาชน และเมื่อประชาชนตัดสินใจไปแล้ว จะถูก จะผิดอย่างไร ท่านก็ไม่ต้องรับผิดชอบ
เมื่อถามว่า ขั้นตอนการแก้ไขมาตรา 272 จะสามารถทำได้ทันกับการโหวตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่าหากร่างแก้ไขนี้ผ่านในวาระที่หนึ่ง เราใช้เวลาแค่สอง-สามสัปดาห์ ก็สามารถทำให้ผ่านวาระที่สามได้เลย เพราะเนื้อหาสาระไม่มีอะไรมาก มีมาตราหลักคือมาตราเดียว คือเสนอให้ยกเลิกมาตรา 272 ไม่มีการถกเถียงในกรรมาธิการใดๆ เลยทั้งสิ้น เพียงแต่ไม่สามารถดำเนินการอย่างนั้นได้ เหมือนพระราชบัญญัติทั่วไป เนื่องจากมีการกำหนดระยะเวลาไว้ในรัฐธรรมนูญอยู่ ว่าหากเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม จะใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ เราก็ยังบอกไม่ได้ว่าเรื่องนายกรัฐมนตรีที่ตีตามกระบวนการมาตรา 272 ที่มีอยู่นี้ จะใช้เวลาอีกกี่ครั้ง กี่สัปดาห์ แต่ถือว่าเราพยายามที่สุด ที่จะหาทางเลือกใหม่ๆ ให้กับการเมืองไทย
เมื่อถามถึงกรณีที่ มีส.ว.เริ่มให้ความเห็นว่าไม่สามารถเสนอชื่อนายพิธา เพื่อโหวตเลือกนายกฯ ซ้ำได้ นายชัยธวัชกล่าวว่า เป็นการตีความที่ผิด เราไม่สามารถเอาวาระการเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกแยกไว้เป็นบทเฉพาะกาล ไม่สามารถตีความข้อบังคับเหมือนกับญัตติทั่วๆ ไป ในสภาได้ ต้องแยกออกจากกัน
นายชัยธวัช กล่าวด้วยว่า การเสนอรายชื่อบุคคลเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรีในการประชุมครั้งหน้า เบื้องต้นอยู่ระหว่างการพูดคุยกับพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ว่าจะเสนอนายพิธา หรือไม่ ทั้งนี้ ที่แกนนำพรรคในแต่ละจังหวัดได้เสนอให้พรรคก้าวไกล ยอมถอยเรื่องกฎหมายอาญามาตรา 112 พรรคก้าวไกลจะมีกระบวนการในการหารืออย่างไร นายชัยธวัชกล่าวว่า เราเห็นว่าเรื่องนี้ เป็นเพียงข้ออ้างบังหน้า ส่วนตัวเห็นข้อความที่ส่งผ่านห้องไลน์ของ ส.ว. ระบุว่า ให้ระวังว่านายพิธา จะประกาศในรัฐสภาไม่แก้มาตรา 112 ขออย่าให้เชื่อ เพราะพวกเขามีวัตถุประสงค์อื่น เพราะเมื่อวานมีส.ว.บางท่านประกาศชัดเจนว่าต่อให้นายพิธา จะประกาศแก้มาตรา 112 ก็ไม่เชื่อ เพราะเหตุผลที่แท้จริง มีกลุ่มขั้วอำนาจเดิม ต้องการพลิกขั้วการจัดตั้งรัฐบาล ร่วมกับกลุ่มทุน ที่ไม่ต้องการเสียผลประโยชน์ จากนโยบายของพรรคก้าวไกล
เมื่อถามถึงการพูดคุยในเรื่องการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้จะมีการหารือกัน ขอไม่ลงรายละเอียดว่ามีกี่แนวทาง ส่วนกระแสข่าวการเสนอชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เชื่อว่ามีหลายพรรคที่ยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย จึงหวังให้พรรคอื่นรักษาคำพูด ยืนยันบนหลักการเดิม ว่าจะไม่จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ส่วน ส.ว.หากเลือกนายกรัฐมนตรีจากเสียงข้างน้อยยิ่งไปกันใหญ่ ส่วนตัวมองว่า ส.ว.ควรโหวตให้ยกเลิก มาตรา 272 เพื่อให้ประเทศเดินต่อไปได้
เมื่อถามต่อถึงกระแสข่าว การโหวตพลิกขั้วให้พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน นายชัยธวัช กล่าวว่า ขอยืมคำพูดของนายพิธาว่า “อย่าเพิ่งเปิดประเด็นใหม่ครับ”