ปากกาขนนก / สกุล บุณยทัต

“ชีวิตของคนเราแต่ละคน ...ล้วนจำเป็นที่จะต้องสรรค์สร้างความหมาย สู่ตัวตนของตน...ด้วยหัวใจของความมุ่งมั่น..เพื่อจะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและถาวร...

การตระหนักในแต่ละช่วงตอนของวันเวลาแห่งชีวิต ล้วนคืออุบัติการณ์ ที่สร้างความหมายให้แก่ความทรงจำอันเป็นที่สุด..ดั่งนี้..ชีวิตจึงมีห้วงขณะอันมีคุณค่าของมัน ด้วยแรงส่งที่ทบซ้อนซ่อนอยู่กับใจของตนเอง หลายๆขณะมันคือ ความสุขสำเร็จอันเปี่ยมล้น..แต่ในอีกหลายๆขณะ..มันคือกลไกที่อ่อนไหว และไร้ พลังแรง ที่จะเชิดหน้า..ที่สุดแล้ว เราจึงจำเป็นต้องใส่ใจในหัวใจตนเอง..เพื่อนกระตุ้นเร้า..ให้ความมีชีวิตชีวาแห่งใจ ได้มีโอกาสโลดแล่น..และไม่ล้มหายอย่างสิ้นสูญ..ไปเสียก่อน..”

นี่คือนัยสำนึก..ที่ได้รับด้วยผัสสะอันโดดเด่น..จากหนังสือแห่งการเรียนรู้แบบอย่างอันทรงคุณค่าของการมีชีวิตด้วย “หัวใจ”..และดำเนินวิถีแห่งใจสู่การหยั่งรู้ของตัวตนในเชิงประจักษ์..

“ไม่ว่า..คุณจะใช้ชีวิตด้วยความคิดแบบไหน..ไม่ว่าคุณจะแบกรับอะไรไว้ในจิตใจ..มันจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้คุณ..เสมอ”...ทุกสิ่งเริ่มต้นที่ใจ/ทุกสิ่งจบลงที่ใจ...

รากเหง้าแห่งสาระของหนังสือเล่มนี้..ตอกย้ำให้เราได้คิดใคร่ครวญว่า....

จะสามารถเรียนรู้อะไรได้บ้างจากชายชราที่มีอายุอานามถึง 90 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง..เมื่อชายคนนั้นได้ชื่อว่า..เป็นผู้บริหารองค์กร ที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น/..ในวัยที่ความคิดของเขา ได้ตกผลึกและสุกงอมที่สุด/....เขาคือ.. ฮินาโมริ คาซูโอะ/ผู้ก่อตั้งบริษัทระดับโลกถึงสองแห่ง../รวมทั้งการเป็นผู้นำ..การฟื้นฟูสายการบิน เจแปนแอร์ไลน์..ราวปาฏิหาริย์/..

....เขาได้กลั่นกรองประสบการณ์ชีวิต และการทำธุรกิจเกือบหนึ่งศตวรรษ/กระทั่ง..ได้กลายเป็นปรัชญาว่าด้วย “การใช้ชีวิตที่เรียบง่าย” แต่ลึกซึ้งและทรงพลัง..

ไม่ว่าเราจะใช้ชีวิตกันในลักษณะไหน/ไม่ว่าเราจะแบกรับอะไรที่หนักอึ้งอยู่ในจิตใจ/..มันก็จะสร้าง..ความเปลี่ยนแปลงนานา..ให้กับเราได้เสมอ../ทุกสิ่งเริ่มต้นที่ใจ..และทุกสิ่ง..จบลงที่ใจ...

จริงๆ..แล้ว.ความหมายของคำว่า “หัวใจ” (KoKoro) ที่ปรากฏเป็นสาระแห่งเนื้อในของหนังสือเล่มนี้..มิได้หมายถึง..อวัยวะที่ร่างกายใช้สูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกาย..แต่ “หัวใจ”  ณ ที่นี่ หมายถึง..หัวใจของความพยายาม..ตลอดจนความเพียร..ที่ไม่ยอมย่อท้อต่ออุปสรรคแห่งปัญหาที่พบเจอ../รวมทั้งหัวใจที่มีมุมมอง.. และการปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเป็นมนุษย์และความมีเมตตา...

เหตุนี้..โครงสร้างแห่งปัญญาญาณ อันเป็นบทบันทึกของหนังสือเล่มนี้ทั้งหมดจึงประกอบด้วย../ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต ..คือภาพสะท้อนของใจเรา/เป็นแรงจูงใจที่นำไปสู่ความสำเร็จ/เพราะ..จิตวิญญาณของนักสู้..มีต้นกำหนดมาจากแรงจูงใจที่ดี../ว่ากันว่า..ในส่วนที่ลึกที่สุดของจิตใจ..สามารถสื่อสารกับจักรวาลได้../เหตุนี้..เป้าหมายของชีวิต..จึงคือ.. “การขัดเกลาจิตวิญญาณและการทุ่มเทเพื่อผู้อื่น..ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการสร้างรากฐานแก่ชีวิต..การสร้างแรงจูงใจที่ดี..เพื่อ..ก่อให้เกิดการประสบความสำเร็จ..ด้วยหัวใจที่เข้มแข็ง..ยึดมั่นในความถูกต้อง และ ..เกิดการบ่มเพาะ พื้นฐานแห่งจิตใจที่งดงาม..

“การบริหารธุรกิจ จะเป็นเรื่องที่เรียบง่าย..มันจะอยู่บนพื้นฐานของการทำรายได้..สูงสุด..และการลดค่าใช้จ่ายต่ำสุด..กำไรจะเป็นเพียงแค่ความแตกต่าง ระหว่างสองอย่างนี้/เราจะต้องมุ่งที่การทำรายได้สูงสุด และการลดค่าใช้จ่ายให้ต่ำสุด..เราจะต้องไม่ติดกับดัก..ด้วยภูมิปัญญาดั้งเดิม..หรือความคิดที่ตายตัว../สิ่งสำคัญ..คือการใช้ความคิดสร้างสรรค์..ของเรา”

“ฮินาโมริ”..ได้เริ่มการทดลองครั้งแรกกับการบริหารแบบ “อมีบา”..อันหมายถึง..การบริหารที่มีวัตถุประสงค์หลัก 3ประการคือ..ระบบบัญชีที่สะท้อนกลไกตลาดภายในหน่วยงานต่างๆองค์กร..พัฒนาให้เกิดผู้นำองค์กร ที่ตระหนักในเรื่องการบริหารจัดการ ..และ การบริหารจัดการนั้นจักต้องก่อให้เกิด ธรรมเนียมปฏิบัติ แห่งการบริหารจัดการโดยทุกคน..

เขาได้ทดลองการบริหารในลักษณะนี้เมื่อปี ค.ศ.1960..โดยมุ่งเป้าหมาย..สู่การสร้างระบบข้อมูล การบริหาร และ การปฏิบัติงาน..

สาระสำคัญของการบริหารเหล่านี้..มีหลักการที่เป็นแนวทางปฏิบัติที่ถูกกำหนดขึ้น 12 ข้อ ประกอบด้วย...การกำหนดเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง โดยการร่วมเป้าหมายกับบุคคลทุกคนในองค์กร/เพิ่มความมุ่งมั่นให้หนักกว่าเดิม..ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ต้องทำงานอย่างมั่นคงและขยันไปทีละอย่าง..และ จักต้อง ไม่ย่อท้อกับงานที่น่าเบื่อ../ต้องกล้าเผชิญกับความท้าทายด้วยความกล้าหาญ..ยุติธรรม และไม่หลอกลวงผู้อื่น/ต้องมีความเมตตาและความจริงใจ  เพราะธุรกิจนั้น..จะตั้งอยู่บนฐานของความเป็นหุ้นส่วน..และ  จะต้องนำความสุขมาสู่ทุกฝ่าย../ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ภายในงานเสมอ..สร้างนวัตกรรม และ ปรับปรุงงานอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่า..วันนี้จะต้องดีกว่าเมื่อวาน..และ พรุ่งนี้จะต้องดีกว่าวันนี้../ต้องมีความร่าเริง และมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ ยึดความฝันที่ยิ่งใหญ่ และหวังถึง ความบริสุทธิ์ภายในหัวใจของเรา../ต้องกำหนดราคาเป็นเงื่อนไขของการบริหาร..เพราะการกำหนดราคาเป็นความรับผิดชอบของผู้บริหารระดับสูงเหตุนี้ จึงจำเป็นที่จะต้องค้นหา..จุดที่ลูกค้ามีความสุขและบริษัทได้กำไรสูงสุด/ควรจะต้องระบุความมุ่งหมายและภารกิจแห่งธุรกิจให้ชัดเจน การกำหนดเป้าหมายที่สูง สง่างาม เป็นจริง และยุติธรรม เป็นสิ่งที่มีค่ายิ่ง..

ต้องสร้างรายได้สูงสุด และลดรายจ่ายลงมาต่ำสุด  หมั่นวัดการไหลเข้าและไหลออกของรายได้..อย่าล่ากำไร..แต่ปล่อยให้มันเป็นไปตามวิถีและกลไกของมัน..

“ชีวิตจะมหัศจรรย์และเต็มไปด้วยโอกาส..เราจักต้องเตือนตัวเราเองอยู่เสมอว่า..ชีวิตที่มหัศจรรย์จะรอเราอยู่ เราไม่ควรบ่น หรือรู้สึกมืดมน..แม้เมื่อใด”

คำสอนและหลักคิดแห่งการปฏิบัติของ “ฮินาโมริ”..เกิดจากการที่เขา..ได้พบจุดที่เปลียนแปลงชีวิตของตนเอง กระทั่งกลายเป็นผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นซีอีโอที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น..

 เขาเรียนจบวิศกรรมศาสตร์..แต่ไม่ได้เป็นวิศวกรไปจนชั่วชีวิต..ระหว่างทางชีวิตเขาได้พบจุดเปลี่ยนที่ทำให้ชีวิตเดินไปอีกเส้นทาง

เขาเรียนจบในช่วงที่หางานทำได้ยาก เพราะเศรษฐกิจตกต่ำ..ชีวิตของเขาจึงต้องประสบกับวิกฤติกับความเจ็บปวดท้อแท้..ผิดหวังซ้ำๆอยู่เสมอ โยงใยไปถึงวัยเด็ก..ครั้นพอมีงานทำ เขาก็รู้ว่า บริษัทที่ทำงานอยู่กำลังจะล้มละลาย..ตอนนั้นเอง ที่ชีวิตของเขาได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่..ในเชิงทัศนคติ..เขาเปลี่ยนชีวิตให้มาเผชิญหน้ากับงานและตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่า.. “ไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะเลวร้ายแค่ไหน..เขาก็จะอดทนและทำงานอย่างเต็มที่..เขาทุ่มเทกับงานวิจัยและพัฒนาจนสามารถสังเคราะห์เซรามิกเนื้อละเอียดได้..เป็นคนแรกของญี่ปุ่น และต่อมาได้ก่อตั้งบริษัท “เคียวเซร่า”..เมื่ออายุได้ 27 ปี”

ในวัย 52 ปี เขาก่อตั้งบริษัทด้านโทรคมนาคม..ซึ่งต่อมาก็คือบริษัท “KDDI” บริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านโทรคมนาคมของญี่ปุ่นอีกด้วย/บริษัททั้งสองของเขาเติบโตอย่างเข้มแข็ง จนกลายเป็นบริษัทมหาชนระดับโลก..ในวัย 65 ปี..เขาพบว่าเป็นมะเร็งที่กระเพาะอาหาร..เขาประกาศเกษียณตัวเอง..และบริจาคหุ้นส่วนตัวทั้งหมดของบริษัท “KDDI” ให้แก่พนักงาน และ หันไปบวชเป็นพระ..ศึกษาพุทธศาสนาอย่างจริงจัง..

ในวัย 77 ปี..รัฐบาลญี่ปุ่นได้ขอให้เขามาช่วยฟื้นฟูกิจการสายการบินแห่งชาติ “เจแปนแอร์ไลน์” (JAL)ที่ล้มละลาย..เขาได้เข้ามาเป็นซีอีโอโดยไม่ขอรับเงินเดือน..หลังจากนั้นเพียง 424 วัน..JAL..ก็ทำกำไรได้อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จนกลับเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์อีกครั้งในเวลาเพียง 3 ปี..

ในวัย 87 ปี.. “หัวใจ : พลังที่เป็นความหมายของชีวิต” ก็ออกตีพิมพ์..เขาได้ทบทวนความคิดที่สุกงอมและตกผลึกอย่างถึงที่สุดตลอด 80 ปีที่ผ่านมา..โดยเฉพาะชีวิตที่อยู่บนเส้นทางบริหารกว่า 50 ปี..ทั้งหมดคือสิ่งที่เขาอยากถ่ายทอดและบอกต่อกับผู้คน..ด้วยข้อคิดอันเป็นข้อสรุปที่สำคัญยิ่ง..5 ประการต่อไปนี้..

                มีแรงจูงใจที่ดี ทำสิ่งต่างไป ที่มาจากจิตใจ ที่เห็นแก่ผู้อื่น../ยึดมั่นในรากฐานชีวิตความถูกต้องสำหรับมนุษย์/..บ่มเพาะพื้นฐานแห่งจิตใจที่งดงาม/ถ้าคิดว่าทำได้ก็จะทำได้จริงๆ/และ..ต้องสร้างรากฐานชีวิตแห่งชีวิต..

“ในช่วงวัยเด็กจนเข้าสู่วัยทำงาน..อินาโมริ..ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางอุปสรรค..เอาแต่ตัดพ้อโชคชะตา ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่ราบรื่น..แต่เมื่อเขาหันมายอมรับโชคชะตา..ท่มเทให้กับการทำงาน ทุ่มเทเเรงกายแรงใจทั้งหมดที่มีให้กับงานที่อยู่ตรงหน้า..ชีวิตก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นทันที..”

                 เมื่อล่วงวัย 90..หนังสือที่เขียนขึ้นจากหัวใจเพื่อหัวใจเล่มนี้ของ “อินาโมริ” ก็ได้กลายเป็นดั่งตำนานของถนนสายชีวิต..ที่ต้องต่อสู้กับอุปสรรคสู่ความสุขสำเร็จโดยไม่ยอมแพ้พ่าย..การได้อ่านหลักคิดที่เป็นแรงขับซึ่งออกมาจากใจด้วยความ บริสุทธิ์นั้น..เป็นโอกาสแห่งผลกำไรทางปัญญาญาณที่ได้รับมาอย่างไม่สูญเปล่า..มันคือพลังแห่งการดำรงอยู่และดำเนินไปของชีวิตที่ไม่แปรเปลี่ยน..เป็นคุณค่าที่อยู่เหนือคุณค่า..เท่าที่โลกแห่งชีวิต..จะได้รับเป็นของขวัญ ฉีดเลือด..เพื่อหล่อเลี้ยงร่างกาย..แต่หัวใจในที่นี้เป็นหัวใจของความพยายาม และ ความเพียรที่ไม่ยอมย่อท้อต่ออุปสรรคของปัญหาที่พบเจอ..ชั่วนิรันดร์..

"ไม่ว่าสถานการณ์ตรงหน้าของเรา..จะเลวร้ายสักเพียงไหน..เราจักต้องไม่โกรธแค้นต่อโชคชะตา..หรือนึกสมเพชตัวเอง..แต่ควรรับมือกับมัน..อย่างกระตือรือร้นเสมอ..นี่คือเคล็ดลับแห่งการมีชีวิตที่..ยอดเยี่ยม.."

......,.....