กกต.ตอกย้ำส่งศาลรธน.วินิจฉัยคุณสมบัติส.ส.ของ "พิธา" ลั่นยึดตามหลักเกณฑ์รัฐธรรมนูญ โต้เร่งรีบข้ามขั้นตอน มั่นใจรวบรวมหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์ โดยไม่จำเป็นต้องเรียกพิธามาชี้แจง
เมื่อวันที่ 13 ก.ค.66 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เผยแพร่ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กสำนักงาน ชี้แจง กรณีที่กกต. ได้ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีสมาชิกภาพของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล (ก.ก.) มีเหตุสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบัน เมื่อวันที่ 12 ก.ค.66 นั้น กกต.ขอชี้แจงว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบัน ตามมาตรา 82 วรรคสี่ บัญญัติว่า "ในกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งเห็นว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร... มีเหตุสิ้นสุดลง... ให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย... การส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย กกต. ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ กล่าวคือมาตรา 82 วรรคสี่ บัญญัติให้กกต.เป็นผู้ใช้อำนาจโดยตรง สามารถส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย ได้
กรณีดังกล่าว ไม่ใช่เป็นเรื่องการกระทำความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง หรือการกระทำอันอาจเป็นเหตุให้การเลือกตั้ง มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม หรือมิได้เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ที่จะต้องนำบทบัญญัติตามมาตรา 43 ของ พ.ร.ป. ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 และข้อ 54 ของระเบียบกกต. ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ.2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2566 มาใช้บังคับแต่อย่างใด
เมื่อปรากฏว่าสมาชิกภาพของ ส.ส. คนหนึ่งคนใด มีเหตุสิ้นสุดลง กกต. จะดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริง โดยไม่ต้องแจ้งข้อกล่าวหา หรือให้ส.ส. ผู้มีเหตุสิ้นสุดสมาชิกภาพมารับทราบข้อกล่าวหา หรือให้มาชี้แจงข้อเท็จจริงและข้อกล่าวหาทั้งสิ้น เพราะบุคคลดังกล่าวสามารถใช้สิทธิของตนเองไปชี้แจงข้อเท็จจริงและเสนอพยานหลักฐานเพื่อต่อสู้คดี ตามบทบัญญัติของ พ.ร.ป. ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 ได้ ทั้งนี้เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ได้วางแนวทางในเรื่องดังกล่าวไว้แล้ว รายละเอียดปรากฏตาม คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 14/2562 เรื่องพิจารณาที่ 10/2562 ลงวันที่ 20 พ.ย.62
ส่วนข้อกล่าวอ้างว่า กกต. เร่งรัดพิจารณา และดำเนินการอย่างเร่งรีบไม่ละเอียดรอบคอบนั้น ขอชี้แจงว่าการดำเนินการของกกต. เป็นเพียงกระบวนการรวบรวมพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง โดยไม่ได้เป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดว่าบุคคลหนึ่งบุคคลใดมีเหตุสิ้นสุดสมาชิกภาพฯ ขอยืนยันว่ากกต. ไม่ได้ดำเนินการอย่างเร่งรีบหรือเร่งรัดที่จะทำให้เรื่องดังกล่าวเสร็จสิ้นเร็วกว่าปกติ ทั้งนี้กกต.ได้ใช้ระยะเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงเป็นไปอย่างละเอียดรอบคอบ แล้ว ดังนั้นการส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยเป็นกระบวนการที่กกต. ปฏิบัติตามมาตรา 82 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญทุกประการ