วันที่ 13 ก.ค.66 เวลา 10.00 น. นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้เดินทางมายังสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เพื่อร้องขอให้ตรวจสอบพรรคก้าวไกล กรณีนำเด็กอายุ 10 ขวบ 2 คนมาขึ้นเวทีร่วมปราศรัยที่ลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายและละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเย็นวันอาทิตย์ที่ 9 ก.ค.66 ที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลได้จัดเวทีขอบคุณประชาชน และฟังเสียงทุกคนก่อนโหวตนายกฯ โดยมีแนวร่วมและ ส.ส.ของพรรคก้าวไกลและประชาชนจำนวนหนึ่งมาร่วมกิจกรรมดังกล่าวกันพอสมควร โดยมีพิธีกรที่เป็นนักแสดงและส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคก้าวไกลคอยเป็นแม่งาน นอกจากนั้น ยังมีผู้ปราศรัยรายอื่นๆ ที่ได้รับเชิญร่วมขึ้นเวทีปราศรัย อาทิ นักสิทธิเด็กและสตรี นักแสดงและนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม ก่อนที่จะจบลงด้วยการปราศรัยของหัวหน้าพรรคก้าวไกล ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยสีส้ม
แต่ทว่าในการจัดกิจกรรมดังกล่าวของพรรคก้าวไกลดังกล่าว ช่วงหนึ่งมีการนำเด็กอายุประมาณ 10 ขวบ 2 คนได้ขึ้นเวทีสัมภาษณ์ให้กล่าวความในใจถึงนายกฯพิธา การกลับการให้พูด hate speech ซึ่งเป็นเแนวคิดเดียวกันกับสิ่งที่พรรคก้าวไกลและขบวนการปลุกปั่นทางสังคมและการเมืองอันอาจส่งผลต่อเด็กและเยาวชน ตามปรากฏในโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยมีกองเชียร์คอยส่งเสียงเป็นกำลังใจอยู่ด้านล่าง จนนำมาสู่การวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมอย่างมากว่าอาจไม่เหมาะสม
กรณีดังกล่าว ตาม พรบ.คุ้มครองเด็ก 2546 ม.26 และ ม.27 ระบุไว้ชัดเจนว่าห้ามมิให้ผู้ใดส่งเสริมหรือยินยอมหรือกระทำด้วยประการใดอันเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากเด็ก และห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาหรือเผยแพร่ทางสื่อมวลชนหรือสื่ออสารสนเทศประเภทใด ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับตัวเด็กหรือผู้ปกครอง โดยเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่จิตใจ ชื่อเสียง เกียรติคุณ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดของเด็ก หรือเพื่อแสวงหาประโยชน์สําหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ หากฝ่าฝืนอาจมีโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
นอกจากนั้น การนำเด็กมาขึ้นเวทีปราศรัยทางการเมือง ยังขัดต่อหลักการสากลว่าด้วยสิทธิเด็กที่องค์กรสหประชาชาติได้ให้ความสำคัญกับหลักการ "กันเด็กออกจากการเมือง"และ "เด็กต้องได้รับความคุ้มครองจากการแสวงประโยชน์กับเด็กในทุกรูปแบบจากรัฐ" โดยหลักการอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กที่จัดทำขึ้นในปี พ.ศ.2532 ที่ประเทศไทยได้ลงนามภาคยานุวัติรับรอง เมื่อวันที่ 12 ก.พ.2535 ไว้แล้วด้วย
กรณีดังกล่าว เกิดขึ้นมาหลายวันแล้วแต่ทว่านักสิทธิเด็ก ป้าๆหัวหงอกหัวขาวทั้งหลาย หรือเอ็นจีโอด้านเด็กยังไม่ได้ออกมาทำอะไรในการปกป้องเด็กๆเหล่านั้น หรือกลัวว่าหยิกเล็บก็เจ็บเนื้อของตน โดยเฉพาะคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)ที่มีหน้าที่และอำนาจในเรื่องดังกล่าวโดยตรง องค์กรรักชาติ รักแผ่นดินจึงไม่อาจปล่อยให้เรื่องดังกล่าวผ่านไปได้ จึงนำความมาร้องให้ กสม.ทำหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด