เมื่อเวลา 09.05 น. วันที่ 13 ก.ค. 66 ที่อาคารรัฐสภา นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันนี้ จะออกมาในรูปแบบใด ว่า ส.ว. ก็ทำหน้าที่ของตนเองและตนเข้าใจว่ามีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงชื่อเดียว ส่วนจะเห็นชอบหรือไม่ หรืองดออกเสียง ก็เป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ว. ที่จะทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ แต่ในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ส.ว. ต้องทำหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง เพราะสิ่งสำคัญคือบ้านเมืองจะต้องเดินหน้า และมีความมั่นคงในทุกด้าน รวมทั้งสิทธิความเป็นพลเมืองที่จะพูดจากันได้ 

“การลงมติของ ส.ว. ไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีมติออกมาอย่างไร อย่าพึ่งคาดคะเน เพราะ ส.ส. และ ส.ว. ทั้ง 750 คนทำด้วยความรับผิดชอบ อย่าใจร้อน เพราะหนทางประชาธิปไตยมีทุกช่องทาง ตอนนี้เป็นกระบวนการในรัฐสภาประชาชนทำหน้าที่ในการเลือกผู้แทน ถ้าเป็นรัฐบาลก็ทำหน้าที่บริหาร แต่ถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาลก็เป็นฝ่ายค้าน และเชื่อว่า ส.ส. ทั้ง 500 คน จะทำหน้าที่เป็นประโยชน์ให้บ้านเมืองเดินหน้า อยากปลุกระดมให้เกิดบรรยากาศความเครียดเรามีวุฒิภาวะทุกคน หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่น” นายสมชาย กล่าว

เมื่อถามว่า ได้มีการกำชับ ส.ว. ก่อนที่จะโหวตหรือไม่ เพราะขณะนี้ก็มีกระแสออกมาค่อนข้างมาก นายสมชาย กล่าวว่า ไม่มีใครกำชับใคร ทุกคนก็เป็นบุคลากรจากสาขาวิชาชีพต่างๆ ได้รับการคัดสรรมาแล้ว การทำหน้าที่ของ ส.ว. เป็นหน่วยคัดกรองกฎหมาย และบุคคล ที่จะดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งวันนี้ ส.ว. ก็ทำหน้าที่กลั่นกรองนายกรัฐมนตรี เรายึดหลักส่งเสริมคนดีปกครองบ้านเมือง หากมีประเด็นอะไรที่ต้องพูดคุยร่วมกันก็ควรที่จะคุยในรัฐสภาเพราะเราใช้ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมถึงระบอบรัฐสภา ที่รวบรวมพรรคการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาล

“ต้องดูในเรื่องของตัวบุคคล และนโยบายที่จะมาบริหารประเทศ ส.ว. จะฟังเสียงในรัฐสภาอย่างเดียวไม่ได้ ต้องฟังเสียงของประชาชนด้วย” นายสมชาย กล่าว

เมื่อถามว่า หากผลโหวตออกมาแล้วไม่เป็นที่พอใจของประชาชน เพราะมี ส.ว. หลายคนที่ออกมาแสดงตัวว่าจะไม่สนับสนุนพรรคการเมืองที่มีนโยบายแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ห่วงหรือไม่ว่าจะมีการเกิดความรุนแรงขึ้น นายสมชาย กล่าวว่า เชื่อว่าไม่มีความรุนแรง เพราะประชาชนได้แสดงออกด้วยการเลือกตั้ง แม้จะมีความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกันก็ไม่เป็นไร 

“อย่าไปกังวลหรือเครียดกับการเมือง อย่าทำให้เกิดสถานการณ์รุนแรง ส.ส. 500 คน อย่าปลุกปั่นประชาชนให้เกิดความขัดแย้ง เราผ่านความขัดแย้งมานานแต่ยังไม่ไปไหน เพราะฉะนั้น การเห็นต่างเป็นเรื่องปกติ เพราะประชาชนก็ใช้สิทธิ์ของตนเอง ส.ส.-ส.ว. ก็ใช้สิทธิ์ ทุกคนต่างเคารพซึ่งกันและกัน”