"บิ๊กตู่" เข้าทำงานทำเนียบฯ ปกติ หลังประกาศวางมือการเมือง กกต.ส่งศาลรธน.เช็กบิลพิธาพ้นส.ส. ปมถือหุ้นสื่อ ด้านคกก.ชุดเล็กศาลรธน.ตรวจสอบข้อมูลความถูกต้องก่อนส่งตุลาการฯ วินิจฉัย ทำเอาพิธาถึงเครียด! ขณะที่พลพรรคก้าวไกลซัดใช้"นิติสงคราม เป็นเครื่องมือ ยันไม่กระทบโหวตนายกฯ ส่วนสมชายเผยข้อมูลรั่ว เบรกสว.กินกล้วยโหวตนายกฯ 

     
เมื่อวันที่ 12 ก.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ภายหลังประกาศวางมือทางการเมือง ว่า เมื่อเวลา 09.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ที่ห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อติดตามงานและเซ็นแฟ้มเอกสาร โดยไม่มีวาระงานอย่างเป็นทางการ 
    
 
ขณะที่ เพจเฟซบุ๊กศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี - PMOC ซึ่งเป็นเพจทำงานด้านการประชาสัมพันธ์ของนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความ "ขอบพระคุณ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีของคนไทยทั้งประเทศ" พร้อมกับรูปภาพพล.อ.ประยุทธ์เดินขึ้นบันไดบนตึกไทยคู่ฟ้า ชูมือสัญญลักษณ์ไอเลิฟยู มีข้อความระบุบนภาพด้วยว่า "My Hero"  
 
นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ประกาศวางมือทางการเมือง ว่า ทราบมาตลอดว่าถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะวางมือ เข้าใจว่าประชาชนอาจใจหายเช่นกัน และประชาชนฝากให้กำลังใจพล อ.ประยุทธ์จำนวนมาก คิดว่าท่านได้ทำตามสิ่งที่คิดแล้ว ระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ได้สร้างคุณงามความดีให้ประเทศ วางรากฐานประเทศในทุกด้าน คิดว่าพล.อ.ประยุทธ์เป็นสุภาพบุรุษทางการเมือง เมื่อถามว่า การลาออกของพล.อ.ประยุทธ์เป็นการให้พรรคไปร่วมมือกับการผลักดันบุคคลอื่นเป็นนายกรัฐมนตรี ใช่หรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า เป็นไปได้หลายทาง เชื่อว่าเหตุที่ลาออกเพราะท่านไม่อยากเป็นคู่ขัดแย้ง 
   
  ด้าน นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการประกาศวางมือของพล.อ.ประยุทธ์  ว่า เหมือนแผ่นดินไหวสูงขึ้นหลายเมตร แต่จะประกาศวางมือกันง่ายๆ เฉยๆ มันดูง่ายไป เพราะพล.อ.ประยุทธ์ยังรักษานายกรัฐมนตรี ตอนเป็นผู้บัญชาการทหารบกยึดอำนาจฉีกรัฐธรรมนูญ ถือว่าเป็นข้อหาที่หนักประเทศชาติต้องทนทุกข์ทรมานถึง 9 ปี ดังนั้นแค่วางเฉยๆและเป็นข่าวดีๆก็คงไม่เพียงพอ พล.อ.ประยุทธ์ต้องขอโทษประชาชนและบอกสังคมว่า การทำรัฐประหารมันไม่ดีอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ต้องเป็นคนสุดท้ายที่จะทำรัฐประหาร
    
 เมื่อถามว่า แม้พล.อ.ประยุทธ์วางมือ แต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ยังอยู่ นายอดิศร กล่าวว่า ทั้งหมดก็อยู่ในค่ายทหารทั้งหมด จับไม้จับมือกันมา เอาเป็นว่า ใครทำรัฐประหาร และจะวางมือกันง่ายๆ ไม่ได้หรอก ต้องมีการชำระสะสาง เมื่อถามว่า การเลือกนายกรัฐมนตรีรอบนี้เหมือนจะมีกลิ่นของรัฐประหาร นายอดิศร กล่าวว่า อย่ามีเลย ตนก็มีเพื่อนเป็นทหารเยอะ เขาก็ไม่พอใจที่ทหารจะมาทำการรัฐประหาร 
  
 นายสุทิน คลังแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวมีการแจกกล้วยในรัฐสภา ว่า ยังไม่ทราบ แต่เมื่อมีการเลือกตั้งเรื่องแบบนี้ก็อาจเกิดขึ้นได้ด้วยสองเหตุผลคือ 1.อาจจะเป็นเรื่องจริง มีการเคลื่อนไหวเพื่อที่จะสกัดหรือสนับสนุนคนใดคนหนึ่ง 2.เป็นเรื่องของการปั่นข่าวหรือไอโอขึ้นมา เพื่อทำลายความชอบธรรมของคนบางคน ฉะนั้นเราจะต้องดูรายละเอียดอีกครั้ง ตนยังไม่เชื่อว่าจะมีตอนนี้ แต่การล็อบบี้หรือการพยายามที่จะโน้มน้าวกัน หรือจะถึงขั้นมีกล้วยหรือไม่ ต้องดูกันอีกทีหนึ่ง ขอหาข้อมูลก่อน
     
เมื่อถามว่า มีข่าวนี้ออกมาจะทำให้ส.ว. หรือส.ส.เปลี่ยนใจในการโหวตหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ถ้ามีกล้วย ก็มีทั้งส.ส.และส.ว. ซึ่งเป็นเรื่องไม่ดี ไม่ใช่เฉพาะส.ว.ที่ลังเล แต่จะทำให้เสื่อมศรัทธาของประชาชนด้วยเป็นเรื่องที่ไม่ควรมีและไม่ควรเกิด แล้วถ้ามันไม่มี คนที่ปล่อยข่าวก็ไม่ควรปล่อย เพราะจะทำให้เกิดผลเสียทั้งระบบ ขอฝากว่า การทำไอโอ หรือปล่อยข่าวด้วยวิธีนี้ เพื่อทำลายความเชื่อถือ ไม่ควรทำ
    
 เมื่อถามถึงกรณีที่ส.ว.มีการตั้งแง่ว่า หากโหวตครั้งแรกไม่ผ่าน ครั้งที่สองอาจจะหมดสิทธิ์ในการเสนอชื่ออีก ได้มีการหารือในเรื่องนี้หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า มันก็เป็นไปได้ เพราะวันนี้ความเห็นในเรื่องนี้ยังหลากหลายอยู่ บางคนก็บอกว่ารอบเดียว บางคนก็บอกว่าสองถึงสามรอบ บางคนก็ยกมาว่าเป็นญัตติ บางคนก็ยกแนวปฏิบัติเดิมๆมา ตนเชื่อว่าวันที่ 13 ก.ค.ที่จะถึงนี้ ก็อาจจะมีคนยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด หากนำมาหารือกันในสภาก็คงไม่มีปัญหา 
    
 ทั้งนี้ เชื่อว่าจะมีข้อยุติ ซึ่งในวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา ในการประชุมวิป 3 ฝ่าย ตนก็ได้พูดในที่ประชุมว่า อาจจะมีสมาชิกหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา ซึ่งประธานสภาฯ ก็ได้บอกว่า หากจะหารือในเรื่องนี้ ต้องหารือภายหลังการโหวตแล้ว มีมติแล้ว ก่อนที่จะเลือกไม่น่าจะมีการหารือ เพราะเรื่องยังไม่เกิด ฉะนั้น มีความเป็นไปได้ เพราะความเห็นหลากหลาย
    
 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวมีแชทข้อความส.ว. หลุดมีการแจกกล้วย หรือการด้อยค่ากันในหมู่ส.ว. ชี้ให้เห็นถึงสถานการณ์ในการโหวตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 13 ก.ค. อย่างไร ว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคภูมิใจไทย ส่วนการแจกเงิน ตนมองว่าไม่ควรจะมี ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหนก็ไม่ควรเกิดขึ้น ส่วนจะงดโหวตหรือไม่นั้น ก็ต้องดูว่าเสนอชื่อใครชิง มีตัวเลือกหรือไม่แต่หากวันที่ 13 ก.ค. มีนายพิธาเพียงคนเดียว เราก็ทำตามแถลงการณ์ เราพูดไปแล้วว่าเราไม่สามารถให้การสนับสนุนพรรคการเมืองที่มีเจตนาแตะต้องกฎหมายอาญา มาตรา 112 ขณะเดียวกัน เราก็ไม่เห็นด้วยกับการมีรัฐบาลเสียงข้างน้อย 
    
 นายสมชาย แสวงการ ส.ว. ให้สัมภาษณ์ต่อประเด็นที่ส.ว.มีความเห็นต่างในการโหวตนายกรัฐมนตรี ซึ่งกลายเป็นความขัดแย้งภายใน โดยยืนยันว่า ส.ว.ไม่มีความเห็นขัดแย้ง แม้มีความเห็นต่างถือเป็นสิทธิของส.ว. แต่ละคน ซึ่งในการประชุมวิปวุฒิสภาที่มี ส.ว.ที่เห็นต่างเข้าประชุมบรรยากาศเป็นไปด้วยดี ไม่มีการบลูลี่กัน ส่วนกรณีที่มีไลน์หลุดของส.ว.หญิง ที่ตัดพ้อว่าถูกกลั่นแกล้งและใส่ร้ายนั้น จากการตรวจสอบในไลน์กลุ่มของส.ว.ที่ตนเป็นสมาชิก กว่า  10 กลุ่ม ย้อนหลัง 11 ชั่วโมง ไม่พบข้อความดังกล่าวในไลน์ที่ตนเป็นสมาชิก และจากที่ทราบในข่าวพบว่าเป็นการคัดลอกข้อความมาเผยแพร่ต่อไม่การถ่ายรูปหน้าจอ จึงไม่ทราบว่าใครคือคนที่โพสต์เป็นต้นฉบับ
    
 สำหรับข้อมูลที่ระบุว่ามีการให้ผลประโยชน์กับส.ว.เพื่อสนับสนุนนายพิธาตามที่ตนระบุก่อนหน้านี้ ยอมรับว่าตนไม่มีหลักฐาน แต่เป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ในวงการรัฐสภาที่หวังดีส่งมาให้เพื่อติดตาม  เพราะมีกระบวนการพยายามทำอยู่ สำหรับจำนวนที่เสนอให้หากเทียบเป็นกล้วยมากถึง 30 -50 หวี ส่วนจำนวน ส.ว.ที่ถูกเสนอประโยชน์นั้่นตนไม่ทราบจำนวน แต่ขอฝากบอกคนที่มีความพยายามจะทำว่าไม่สำเร็จแน่นอน เพราะส.ว.ไม่เห็นแต่กับสินบน หรือสินจ้าง เพราะหากทำเช่นนั้น เท่ากับว่าส.ว.ขายชาติ
       
"เป็นธรรมดาที่จะเสนอผลประโยชน์ในเหตุการณ์แบบนี้ และผมได้รับการเปรยจากเพื่อส.ว. มาเหมือนกันว่ามีคนไปพบที่บ้าน ติดต่อทางโทรศัพท์ อย่างวานนี้มีงานศพ พบว่ายังมีคนไปล็อบบี้  หากโหวตให้ก็จะเชียร์ หากไม่โหวตให้ก็ไปข่มขู่  ซึ่งกลุ่มนี้เขาพยายามใช้มวลชนและกระแสโซเชียลกดดันดำเนินการ" นายสมชาย กล่าว

 วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมกกต.มีมติให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพส.ส.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเนตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 ( 3 )ประกอบมาตรา 101 ( 6 )หรือไม่ จากเหตุมีชื่อถือครองหุ้นสื่อบริษัทไอทีวีจำกัดมหาชนจำนวน 42,000 หุ้น รวมทั้งมีคำขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ส.ส.ไว้จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย หลังใช้เวลากว่า 3 วัน รับฟังและพิจารณาผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขอสำนักงานกกต.แล้วเห็นว่ามีข้อมูลพยานหลักฐานเพียงพอให้เชื่อว่ามีเหตุตามที่มีการยื่นคำร้องจริง โดย นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. ได้ลงนามในคำร้องและมอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักงานฯนำไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญทันที
   
  ช่วงบ่าย ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการกกต. และเจ้าหน้าที่นำคำร้อง พร้อมเอกสารหลักฐานกรณียื่นต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้วินิจฉัยคุณสมบัติของนายพิธากรณีการถือหุ้นไอทีวีว่าจะสิ้นสมาชิกภาพตาม ม.82 ซึ่งจะมีผลให้ความเป็นสมาชิกภาพสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ ม.98 (3) ประกอบ ม.101 ( 6 ) หรือไม่ รวมทั้งมีคำขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ไว้จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย 
   
  อย่างไรก็ตาม มีรายงานเพิ่มเติมว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอาจจะไม่สามารถนำคำร้องเข้ามาพิจารณาได้ทันภายในวันนี้ และต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ ก่อนจะมีการประชุมหารือกันในครั้งต่อไป นอกจากนี้ในส่วนของเอกสารหลักฐานที่ทาง กกต. ได้นำมาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญนั้น ถูกบรรจุมาในแฟ้มเอกสารที่ใส่ไว้ในกล่องลังจำนวน 9 เล่ม โดยเท่ากับจำนวนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจำนวน 9 คน ทั้งนี้ก็ต้องจับตาดูว่าคำร้องและเอกสารดังกล่าวจะถูกตรวจสอบความเรียบร้อย และบรรจุเข้าในวาระการประชุมในวันนี้หรือไม่ 
 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมว่า ระหว่างการประชุม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล มีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด และได้เดินออกจากห้องประชุมที่สภาฯ หลังจากที่ทราบว่ากกต.มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพความเป็นส.ส.กรณีถือหุ้นสื่อ หรือไม่ รวมทั้งมีคำขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ส.ส.ไว้จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย
 นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยส.ส.ของพรรค แถลงกรณีกกต. มีมติให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพส.ส.ของนายพิธาสิ้นสุดหรือไม่ ว่า เชื่อว่ากกต. มีความผิดตามที่มีการยื่นคำร้องจริง เนื่องจากความรีบเร่งที่ผิดปกติ ซึ่งเห็นได้จากเมื่อเช้านี้ เมื่อมีมติตอนเช้าแล้วเสร็จ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. ก็ได้รีบเซ็นเอกสาร และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่กกต. ไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญทันทีในวันนี้ เพื่อให้ทันการประชุมประจำสัปดาห์ในช่วงบ่าย 
      
 รวดเร็วปานกามนิตหนุ่ม ถ้าระบบราชการไทยทำงานเข่นนี้ทุกหน่วยงาน ประเทศชาติเจริญแน่นอน เช่นนี้แล้ว มันอดไม่ได้ที่สังคมจะตั้งคำถามกับกกต. ที่ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตามกระบวนการสมบูรณ์ นำเรื่องเข้าที่ประชุมประจำสัปดาห์ทันทีในวันบ่ายวันนี้ เพื่อให้คุณพิธาถูกสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ส.ส. ให้ได้ในวันนี้ ก่อนที่จะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ใช่หรือไม่
    
 นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ตนอยากจะเรียนว่าสิ่งที่เกิดขึ้น หลายปีที่ผ่านมาการกระทำโดยใช้นิติสงคราม บทบาทขององค์กรอิสระต่างๆ รวมไปถึงศาลรัฐธรรมนูญถูกตั้งข้อสงสัยมาโดยตลอดว่าตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของกลุ่มการเมืองใดกลุ่มการเมืองหนึ่งหรือไม่ กรณีที่เกิดขึ้นในวันนี้ จะเป็นข้อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหาเหล่านั้นเป็นจริงหรือไม่ และเราในฐานะผู้แทนราษฎรขอฝากเสียงเตือนจากพี่น้องประชาชนไปยังกกต.และองค์กรอิสระทั้งหมด ว่าท่านที่ลุแก่อำนาจจนเกินขอบเขต วันใดวันหนึ่งเมื่อการเมืองกลับมาเป็นปกติ ประชาชนจะลงโทษพวกท่าน 
      
 ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันนี้ ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ผมและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในนามพรรคก้าวไกลรวมถึงเพื่อนสมาชิกอีก 7 พรรคการเมือง เรายืนยันว่าจะไม่กระทบกับการเสนอรายชื่อนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ในวันพรุ่งนี้