วันที่ 12 ก.ค.66 นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงกรณีท่าทีของพรรคชาติไทยพัฒนาต่อการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 ก.ค.ว่า พรรคชาติไทยพัฒนาจะมีการประชุมกันที่สภาเช้าวันที่ 13 ก.ค. เวลา 08.30 น. เพื่อหารือและให้มีการอภิปรายกันพอสมควร ก่อนที่จะเข้าประชุมสภาและจะมีการลงคะแนนกันในเวลา 17.00 น. คงต้องฟังแต่ละฝ่ายว่ามีความคิดอย่างไร มีการเสนออย่างไรก่อนลงคะแนน 

ผู้สื่อข่าวถามถึง กรณีที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคชาติไทยพัฒนาเสนอแนะบางส่วนให้งดออกเสียงบางส่วนให้โหวตสวน นายวราวุธ กล่าวว่า เป็นความคิดเห็นของกรรมการบริหารพรรคที่มีความคิดหลากหลาย แต่ท้ายที่สุด ส.ส. 10 คนของพรรคจะต้องพูดคุยหารือกันก่อน

เมื่อถามว่า สถานการณ์การเมืองช่วงนี้ต้องจับตากันเป็นรายนาทีใช่หรือไม่  นายวราวุธ กล่าวว่า การเมืองไทยในช่วงการจัดตั้งรัฐบาลมักจะคล้ายๆกันเสมอ คือจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด บางครั้งในการพูดคุยก็มักจะมีไอเดียใหม่ๆเกิดขึ้นมา โดยเฉพาะในสถานการณ์โลกวันนี้มีนวัตกรรมทางการเมืองใหม่ๆเกิดขึ้น สะท้อนแนวทางการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์การเมืองย่อมเกิดขึ้นได้ทุกเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีเรื่องของโซเชียลมีเดียเข้ามาเกี่ยวข้อง เกิดกระแสนั้นกระแสนี้ขึ้นมา บางครั้งก็ข้ามนาทีข้ามชั่วโมงกันเลยทีเดียว จึงไม่ใช่เป็นเรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากโหวตรอบแรกไม่ผ่าน ต้องทำอย่างไร นายวราวุธ กล่าวว่า เป็นสิทธิของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นผู้เสนอว่าจะเสนออีกหรือไม่ เสนอใหม่ไหม หรือว่าจะเปลี่ยน หรือว่าจะอย่างไร เป็นสิ่งที่ 8 พรรคต้องคุยกัน

เมื่อถามว่า ส่วนตัวประเมินว่าโหวตรอบแรกผ่านหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า เท่าที่ได้ยินมาคงจะมีความท้าทายในระดับหนึ่ง คงมีการพูดคุยกันหลากหลาย แต่เดาไม่ถูกจริงๆว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะเท่าที่ได้ยินคำให้สัมภาษณ์ของบุคลากรจากพรรคก้าวไกลหลายคนก็ดูจะมีความมั่นใจในการลงคะแนนเราก็ติดตามสถานการณ์กันไป

เมื่อถามถึง โอกาสในการพลิกขั้วให้พรรคอันดับสองขึ้นมาจัดตั้ง นายวราวุธ กล่าวว่า ตามปกติประเพณีทางการเมืองหากพรรคอันดับหนึ่งไม่สามารถจัดตั้งได้ก็ต้องเปิดทางให้พรรคอันดับสองในการจัดตั้งรัฐบาล เป็นสิทธิทางการเมืองของพรรคขนาดใหญ่ทั้งสองพรรค 

เมื่อถามย้ำว่าโอกาสนั้นจะมาถึงหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ต้องดูวันที่ 12 ก.ค.ก่อนว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ทางพรรคเพื่อไทยเองก็เคยพูดเอาไว้ว่า จะสนับสนุนพรรคก้าวไกลอย่างเต็มที่สุดความสามารถหาก มีปัญหาขึ้นมาคงต้องให้ทั้งสองพรรคคุยกันว่าจะมีแนวทางเดินหน้าทำงานร่วมกันอย่างไร เราเป็นเหมือนผู้สังเกตการณ์ ก็คอยดูอยู่ข้างนอก