“บิ้กโจ๊ก” บินด่วนเปิดเแถลงสรุปคดีฆ่าหั่นศพนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ชาวเยอรมัน ระบุเป็นคดีอุกฉกรรจ์ขณะที่เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยทำงานได้อย่างรวดเร็วจนสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้เกือบหมด

  จากกรณีที่กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม. ได้ทำการจับกุม นายโอลาฟ อายุ 52 ปี สัญชาติเยอรมัน หนึ่งในแก๊งอุ้มฆ่าหั่นศพนักธุรกิจชาวเยอรมัน ที่ถูกออกหมายจับร่วมกับพวกอีก 2 ราย ในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และ ปิดบังอำพรางศพ ซึ่งต่อมาทางเจ้าหน้าที่สามารถติดตามไปจับกุมตัว นายโอลาฟ หัวโจกของแก๊งค์ได้ที่คลับแห่งหนึ่ง ย่านอ่อนนุช พัฒนาการ กรุงเทพฯ ก่อนนำตัวมาสอบปากคำที่ สภ.หนองปรือ เจ้าของพื้นที่

ล่าสุดเมื่อเวลา 22.30น. (11 ก.ค.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. นั่งเฮลิคอปเตอร์ เพื่อเดินทางมาติดตามคดีด้วยตนเอง ก่อนเรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อสรุปผลการทำงานของคดีที่เกิดขึ้น โดยมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ อาทิ ตำรวจภร จว.ชลบุรี ตำรวจสภ.เมืองพัทยา ตำรวจสภ.หนองปรือ ตำรวจท่องเที่ยวพัทยา ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองพัทยา และหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมสภ.เมืองพัทยา ชั้น 3 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

            ภายหลังจากการประชุม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ให้สัมภาษณ์สรุปผลของการทำงานในครั้งนี้ว่า ต้องขอบคุณในความตั้งใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดทำงานทุกภาค ทุกส่วน และทุกนายที่สนธิกำลังร่วมกันติดตามข่าวสาร รวมทั้งการสืบสวนหาข่าวที่รวดเร็ว แม่นยำ จนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 รายและยังสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาสำคัญในคดีได้แล้วถึง 2 จาก 3 คนไว้ได้ ประกอบด้วย  Mr.Olaf สัญชาติเยอรมัน Mrs.Petra สัญชาติเยอรมัน ขณะที่ในส่วนของนายซาฮ์รูค อายุ 27 ปี เชื้อชาติปากีสถาน สัญชาติไทย  นั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามและจะสามารถจับกลุ่มได้ในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ต้องมีการติดตามความเชื่อมโยงของคนที่ร่วมก่อเหตุ หรือกลุ่มแก๊งชาวต่างชาติ ที่มีพฤติกรรมการชอบรวมกลุ่มขับรถบิ้กไบค์โดยพบว่าหลายรายมีประวัติอาชญากรรมข้ามชาติ โดยต้องตรวจสอบให้เข้มงวดมากขึ้นในพื้นที่ สภ.หนืองปรือ และ สภ.เมืองพัทยา ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นกรณีสำคัญโดยเฉพาะกลุ่มต่างชาติที่มีพฤติกรรมที่โหดร้ายแต่แฝงตัวเข้ามาก่อเหตุ คนกลุ่มนี้จะต้องถูกเพิกถอนวีซา และลงแบล็คลิสต์ถาวร เพื่อไม่ให้เข้ามาก่ออาชญากรรมที่สร้างความเสียหายต่อเมืองท่องเที่ยวอีก มิหนำซ้ำยังอาจส่งผลไปถึงภาคธุรกิจด้วย เมื่อต่างชาติมองเห็นว่าไม่มีความปลอดภัยก็อาจมีการย้ายฐานไปยังพื้นที่อื่น ทำให้เสียโอกาสเป็นอย่างมาก ซึ่งได้สั่งการให้มีการแก้ไขและปฏิบัติอย่างจริงจัง

            ส่วนกรณีของ  Mr.Olaf สัญชาติเยอรมันหัวหน้าขบวนการ ที่พึ่งจับกุมตัวได้นั้นและ ยังไม่ยอมให้การใดๆ กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็คงไม่หนักใจเพราะมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีว่าจะสามารถจับกุมตัวและขยายผลไปดำเนินคดีผู้ร่วมขบวนการได้ทั้งหมดแน่นอน นอกจากนี้ยัง่ได้มีการสังการไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 2 ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีลงพื้นที่ทำการตรวจสอบประวัติ และลงพื้นที่ตรวจค้นกลุ่มเป้าหมายโดยละเอียดเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว

            รวมทั้งยังได้ออกหนังสือเชิญทางตัวแทนสถาทูตเยอรมัน ประจำประเทศไทย มารับฟังภาพรวมของการประชุมในครั้งนี้ โดยทางสถานทูตยังขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำงานกันได้อย่างรวดเร็วและสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้จนเกือบหมด

             ล่าสุดเมื่อเวลา 23.05 น. เจ้าหน้าที่ได้คุมตัว นายโอลาฟ เดินทางมาถึง สภ.หนองปรือ และ นำตัวเข้าห้องสอบสวนทันที โดยเผยว่าจะหาจุดเชื่อมโยง ของคดีสะเทือนขวัญในครั้งนี้ ซึ่งทางตำรวจเองก็มั่นใจในพยานและหลักฐานในการดำเนินคดี กับผู้กระทำผิดในครั้งนี้ได้

            โดยระหว่างทำการคุมตัวผู้ต้องหารายนี้ลงจากรถ นายโอลาฟ ได้ถูกคลุมหัว ด้วยเสื้อคลุม สวมใส่แมส ปิดบังใบหน้า ผู้สื่อข่าวพยายามถามว่าเกิดอะไรขึ้น และอยากพูดอะไรหรือไม่ แต่ นายโอลาฟ มีท่าทีนิ่งเฉยและ ไม่ยอมตอบคำถามใดๆ ขณะเดียวกัน ทางตำรวจแจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า ให้ช่วยเปิดทางเดิน เนื่องจาก นายโอลาฟ  เพราะขาไม่ค่อยดี เดินไม่สะดวก ก่อนจะพาเข้าห้องสอบสวนไป โดยมีการแยกห้องสอบ กับ มาดามเพธรา ผู้ต้องหาอีกราย ที่มามอบตัวก่อนหน้านี้

            ส่วนนายคารีม หนุ่มปากี สัญชาติไทย ที่นั่งท้ายรถกระบะ ขณะขนตู้แช่ศพ วิ่งวนรอบเมืองพัทยา และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อให้ตำรวจสับสน เป็นระยะทางกว่า 160 กิโลเมตร โดยขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยู่ในระหว่างการสืบสวนติดตาม