วันที่ 11 ก.ค.2566 นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวในโอกาสมูลนิธิเมาไม่ขับครบรอบ 27 ปีวันก่อตั้งในวันที่ 12 กรกฎาคม 2566 ว่า ผู้จุดประกายให้เกิดมูลนิธิเมาไม่ขับคือศาสตราจารย์นายแพทย์วิทุร แสงสิงแก้ว ขณะนั้นอาจารย์วิทุร ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงสาธารณสุข ท่านเป็นผู้มองการณ์ไกล เห็นปัญหาอุบัติเหตุทางถนนที่เกิดจากการเมาแล้วขับการให้หมอตั้งรับรักษาอย่างเดียวโดยไม่ป้องกันเป็นการแก้ไขที่ไม่ตอบโจทย์ท่านจึงสั่งการให้ตนไปทำโครงการรณรงค์ลดอุบัติเหตุจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยกำชับว่าอย่างเอาโครงการนี้ไปไว้ที่หน่วยราชการนะ มันจะไม่เติบโต ให้ทำในรูปแบบของเอ็นจีโอจะเกิดความคล่องตัว และเป็นอิสระในการทำงานมากกว่า

จากวันนั้นถึงวันนี้ผ่านมา 27 ปี มูลนิธิเมาไม่ขับผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านมรสุมต่าง ๆ มากมาย บุคคลท่านที่สองที่ตนขอกล่าวถึงคือ นายดำรง พุฒตาล ประธานมูลนิธิเมาไม่ขับ พี่ชายที่แสนดีของชาวมูลนิธิเมาไม่ขับ บุคคลที่ 3 คือ นายกฤตวิทย์ ศรีพสุธา กรรมการรองกรรมการผู้จัดการบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ท่านจากพวกเราไปแล้ว ท่านเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณ 2 แสนบาทเป็นทุนประเดิมจัดตั้งมูลนิธิเมาไม่ขับ บุคคลที่ 4 คือพลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว อดีต ผบ.ตร. อดีตรมว.กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อดีตรมว.กระทรวงแรงงาน เพราะในสมัยนั้นท่านเป็นผู้บังคับการตำรวจจราจรท่านได้ร่วมกับมูลนิธิเมาไม่ขับรณรงค์และบังคับใช้กฎหมายเมาไม่ขับจนเป็นรากฐานที่เข้มแข็งจนถึงปัจจุบัน 

นอกจากนี้แล้วมีหน่วยงานอีกมากมายที่สนับสนุนมูลนิธิเมาไม่ขับให้สามารถทำงานเพื่อประชาชนได้จนถึงวันนี้ อาทิเช่นสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการขนส่งทางบก กรมคุมประพฤติ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ( ศปถ.) บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ฯลฯ

โดย เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยต่อไปว่าตลอดระยะเวลา 27 ปีที่มูลนิเมาไม่ขับ ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การรณรงค์และสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายเมาไม่ขับ ผ่านนายกรัฐมนตรีมาทั้งสิ้น 10 คนได้แก่ นายชวน หลีกภัย, นายบรรหาร ศิลปอาชา, พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ, พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร, พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์, นายสมัคร สุนทรเวช, นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งนายกรัฐมนตรีทั้ง 10 ท่าน ได้มีส่วนสนับสนุนการรณรงค์และการบังคับใช้กฎหมายเมาไม่ขับมากบ้างน้อยบ้างตามแต่ระยะเวลาในการดำรตำแหน่ง 

ทั้งนี้มูลนิธิเมาไม่ขับคาดหวังว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่รัฐสภาจะมีมติให้ความเห็นชอบในเร็ววันนี้จะประกาศนโยบายลดอุบัติเหตุทางถนนจากการเมาไม่ขับเป็นนโยบายสำคัญแถลงต่อสภาโดยมีเป้าหมายลดอัตราการเสียชีวิตและบาดเจ็บของคนไทยให้ลดลง ตลอดระยะเวลาที่บริหารประเทศ 4 ปี ภายใต้นโยบายผู้บริหารประเทศ ข้าราชการทุกหมู่เหล่าต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประชาชนในการรักษาวินัยจราจรถ้าพบเห็นผู้บริหารระดับสูงข้าราชการทำผิดกฎจราจรจะต้องมีการลงโทษทางวินัยอย่างเฉียบขาดไม่ใช่ปกป้องช่วยเหลือกัน 

ซึ่งตนเองทำงานมา 30 กว่าปี สิ่งที่อยากเห็นมากที่สุดคือ สังคมไทยเปลี่ยนความคิด มองอุบัติเหตุเป็นปัญหาใหญ่ของชาติไม่ใช่เรื่องเวรกรรมหรือโหมรณรงค์บังคับใช้กฎหมายกันเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่ สงกรานต์ คนทำผิดกฎจราจร มี 2 ประเภท ประเภทแรกรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ประมาทเลินเล่อ ประเภทที่ 2 จงใจละมิดกฎหมาย ไม่เกรงกลัวต่อบทลงโทษ  ไม่สนใจผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับส่วนร่วมถึงเวลาที่สังคมไทยต้องเอาจริงเอาจังกับปัญหานี้เสียทีเพราะประเทศไทยเราสูญเสียจากอุบัติเหตุบนท้องถนนมามากเกินพอแล้ว