เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 11 ก.ค. 66 ที่ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมสมาชิกพรรคก้าวไกล เดินทางเข้าพบผู้บริหารสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(องค์การมหาชน) หรือ GISTDA โดยเมื่อนายพิธา เดินทางมาถึงได้มีกลุ่มแฟนคลับ พนักงานข้าราชการ และประชาชน ทั้งชาวไทย ชาวต่างประเทศ ที่ทำงาน และมาติดต่อหน่วยงานภายในอาคารบี มารอให้กำลังใจ ส่งเสียงเชียร์ “ตัวจริงหล่อมาก นายกหล่อมาก อยากให้เป็นนายกไวๆ” และต้องการถ่ายภาพร่วมกับนายพิธา ขณะที่ประชาชนบางส่วนเมื่อทราบว่านายพิธาเดินทางมาถึงก็รีบออกมาและเดินไปส่งนายพิธาถึงลิฟท์ทางขึ้นสำนักงาน GISTDA
ซึ่งเมื่อนายพิธาเดินผ่านสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามถึงกรณีที่กกต. กำลังมีการประชุมพิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยคุณสมบัตินายพิธา แต่นายพิธา ปฏิเสธที่จะตอบคำถามระบุเพียงว่า วันนี้ได้รับเชิญจากทาง GISTDA ให้มาพูดคุย แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อยากขอลายเซ็นต์ นายพิธา กล่าวว่า “เอาไปทำอะไรครับ ผมไม่ทราบเรื่อง ปกติลายเซ็นต์ไม่ให้พร่ำเพรื่อ ปกติก็ให้พี่น้องประชาชน ก็จะไม่เหมือนกับที่เซ็นต์เป็นหลักฐานทางเอกสาร ฉะนั้นถ้าจะเอาไปตรวจคงไม่มีประโยชน์ ให้เดานะ” เมื่อผู้สื่อข่าวอธิบายเพิ่มเติมว่า นายเรืองไกร อยากให้เซ็นต์ลายเซ็นต์บนหนังสือวิถีก้าวไกล นายพิธา กล่าวว่า “อ๋อ ไม่ล่ะครับ วันนี้ผมตั้งใจมาประชุมกับ GISTDA” ซึ่งน่าจะติดต่อมาหลังเลือกตั้ง แต่ก็ยังไม่โอกาสมา เป็นเรื่องเกี่ยวกับภัยแล้งที่เกิดขึ้น ก็จะคุยว่าจะสามารถใช้เทคโนโลยี มาแก้ปัญหาภัยแล้งได้หรือไม่
เมื่อถามว่า นายเรืองไกร ระบุว่าเอกสารที่พรรคก้าวไกลยื่นคัดค้านกกต. เป็นการใช้กฎหมายผิดมาตรา นายพิธากล่าวว่า คิดว่าฝ่ายกฎหมายของเราเช็คมาอย่างดีแล้ว อย่างไรก็ตามคงต้องให้กกต. วินิจฉัยว่าถูกหรือไม่ โดยผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ฝ่ายกฎหมายได้เตรียมมาพอสมควร ไม่ได้เร่งรีบทำอย่างแน่นอน ซึ่งคาดเดากันมาในหลายเรื่องอย่างที่สื่อหลายสำนักสัมภาษณ์ว่ามีความคล้ายกันกับคดีวีลัค มีเดียของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ฉะนั้น ฝ่ายกฎหมายของเราได้เตรียมตัวและเตรียมพร้อมไว้แล้ว ซึ่งถ้ามีกรณีเร่งรัดผิดขั้นตอน ใกล้วันเลือกนายกฯ ก็เป็นเรื่องที่เราคาดเดาไว้เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อนายพิธา ขึ้นไปถึงห้องประชุมของสำนักงาน GISTDA เจ้าหน้าที่ GISTDA ต่างก็ผละจากโต๊ะทำงานมาส่งเสียงเชียร์ต้อนรับนายพิธากันอย่างคึกคัก ซึ่งทางสำนักงาน GISTDA แจ้งว่า การหารือระหว่างผู้บริหารสำนักงานกับนายพิธาจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ และจะมีการแถลงข่าว
ทั้งนี้ ผู้สี่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายพิธา กำลังจะเดินทางมาถึง นายเรืองไกร ก็ได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อกกต. เพื่อคัดค้านหนังสือค้านกรณีนายพิธาของพรรคก้าวไกล ที่ส่งถึงกกต. เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา โต้แย้งกระบวนการพิจารณา ในกรณีที่จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะของนายพิธา ว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยระบุว่า หนังสือที่นายพิธา ส่งถึงกกต. อ้างมาตราข้อกฎหมายไม่ถูกต้อง และเห็นว่าการดำเนินการของกกต. ชอบด้วยกฎหมายแล้ว โดยกกต. ดำเนินการสอบสวนในลักษณะเดียวกับที่ดำเนินการกับนายธนาธร กรณีถือหุ้นวีลัค และศาลรัฐธรรมนูญก็มีคำววินิจฉัยในคดีดังกล่าวไว้เป็นบรรทัดฐานแล้ว ว่ากระบวนการพิจารณากกต. ชอบด้วยกฎหมาย
นอกจากนี้นายเรืองไกร ยังให้ความเห็นด้วยว่า ก่อนที่กกต. จะส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีของนายพิธาไม่จำเป็นต้องเชิญนายพิธาเข้ามาชี้แจงก่อน เพราะเป็นกรณีการยื่นตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ไม่ใช่การดำเนินการตามมาตรา151 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ที่ตนก็เห็นว่าถ้าเป็นกรณีนี้จำเป็นต้องเชิญผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงก่อน และการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติส.ส. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคแรกที่ให้สิทธิส.ส.เข้าชื่อยื่นผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็ไม่ได้มีการให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงก่อน ซึ่งส.ส.พรรคก้าวไกล ก็เคยใช้ขั้นตอนนี้ในการยื่นเรื่องผ่านประธานสภาฯ ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมาแล้ว และการพิจารณาของกกต. ก็ไม่เร่งรีบ เพราะตนยื่นเรื่องนี้ตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค. และถ้าเทียบกับกรณียุบไทยรักชาติ ก็ใช้เวลาแค่ 2 อาทิตย์เอง
นายเรืองไกร ยังกล่าวด้วยว่า ที่ครั้งนี้มายื่นหนังสือด้วยตนเอง ต่างจากที่ผ่านมาที่จะยื่นผ่านทางไปรษณีย์ ไม่ใช่เป็นเพราะทราบว่านายพิธาจะเดินทางมายังอาคารศูนย์ราชการ แต่ทราบว่ากกต. จะมีประชุมพิจารณาเรื่องนี้ต่อในวันนี้ จึงเกรงว่าหากส่งหนังสือทางไปรษณีย์จะมาถึงสำนักงานกกต.ไม่ทัน จึงต้องเดินทางมายื่นเอง
“แต่เมื่อจะนายพิธาจะเดินทางมา ก็อยากจะพบ อยากจะขอลายเซ็นต์ให้เซ็นต์หนังสือวิถีก้าวไกล ที่ตนซื้อมา และได้อ่านแล้ว ซึ่งนายพิธาก็เขียนดี เหมือนกับที่นายธนาธร และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าเขียน” โดยนายเรืองไกร กล่าวพร้อมกับยกหนังสือวิถีก้าวไกลที่ซื้อมาโชว์ให้ผู้สื่อข่าวดูด้วย
ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กกต.ได้เริ่มประชุมในเวลา 10.00 น. ซึ่งเป็นการประชุมต่อเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 ก.ค. ในกรณีนายพิธา ถือครองหุ้น บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เข้าข่ายลักษณะต้องห้ามไม่ให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งส.ส. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) และเป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ซึ่งในการประชุมครั้งแรก เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา กกต.ยังไม่ได้มีการลงมติ ว่าจะส่งเรื่องดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญ เพียงแต่เป็นการติดตามความคืบหน้าของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่ได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบ ดังนั้น กกต.จึงได้นัดประชุมต่ออีกครั้งในวันนี้ แต่ก็ยังไม่มีคำยืนยัน ว่าจะมีการลงมติหรือไม่ เนื่องจากการที่กกต. ได้มีการนัดประชุมล่วงหน้าในวันนี้ และวันที่ 13 ก.ค.ที่จะถึง ก็อาจมีความเป็นไปได้ว่ากกต. จะใช้เวลาในการพิจารณา
ประกอบกับการที่นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ระบุว่า การพิจารณาเรื่องดังกล่าว ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของคำร้อง ที่ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื้อหา และข้อกฎหมาย โดยการพิจารณาของ กกต. ไม่ได้ระบุว่า จะต้องเร่งดำเนินการให้เสร็จเมื่อใด
ทั้งนี้ ในการพิจารณาของกกต. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 เป็นแนวทางในการพิจารณา เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ส่วนการพิจารณาตามมาตรา 151 ที่ กกต.ตั้งคณะกรรมการไต่สวนไปก่อนหน้านี้ เป็นเรื่องของการดำเนินคดีทางอาญา แต่ทั้งสองกรณีเป็นเรื่องเกี่ยวกับการถือครองหุ้นไอทีวี ที่จะต้องพิสูจน์ข้อมูล และหลักฐาน ว่านายพิธา ถือหุ้นจริงหรือไม่ และหุ้นนั้นเป็นกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนหรือไม่