เมื่อวันที่ 10 ก.ค.66 ชาวบ้านในพื้นที่ ต.มาบข่า อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง เข้าร้องขอความเป็นธรรมกับสภาทนายความจังหวัดระยอง ว่าถูกมวลน้ำไหลเข้าบ้านทำให้บ้านและข้าวของพังเสียหาย ดินโคลนเต็มบ้านไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ ซ้ำร้ายญาติต้องมาเสียชีวิตในคืนวันน้ำท่วม เพราะถูกไฟฟ้าดูดขณะพยายามหนีขึ้นที่สูง โดยต้นตอมาจากโรงงานที่ถมดินสูงและทำแหล่งน้ำสำรองเอาไว้ใช้ในโรงงาน เป็นเหตุให้น้ำผุดออกมาจากใต้ดินทะลักเข้าบ้านและ ยังมีน้ำล้นออกจากรางท่วมเข้าบ้านอีกด้วย หลังเกิดเหตุโรงงานมีแต่เงินเยียวยาให้ แต่ไม่ได้แก้ไขปัญหาให้หายขาด จึงมาร้องขอความเป็นธรรม เพื่อให้สภาทนายความจังหวัดระยองช่วยเหลือ
ต่อมาผู้สื่อข่าวพร้อมด้วย นายมานิฏฐ์ เล็กโล่ง ประธานสภาทนายความจังหวัดระยอง พร้อมทีมงาน ลงพื้นที่ ที่ ต.มาบข่า อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง พบกับ น.ส.อุไรรักษ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี , นายรัฐพล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี และ น.ส.ลดาวัลย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี จึงพาตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ พบมีบ้านที่อยู่ในระแวกเดียวกัน 3 ครัวเรือน ทั้งหมด 10 ชีวิต ในพื้นที่ 3 งาน 34 ตารางวา บริเวณโดยรอบถูกล้อมรอบด้วยกำแพง สภาพบ้าน ณ ปัจจุบัน ก็ยังไม่ได้เก็บกวาด ข้าวของพังเสียหายกระจัดกระจายอยู่นอกบ้าน มีน้ำขังตามพื้น สภาพพื้นดินเฉอะแฉะเต็มไปด้วยดินโคลนจนเดินไม่ได้ เดินไปดินก็ติดเท้าไป ด้านข้างบ้านทางขวาเป็นกำแพงสูงประมาณ 2 เมตร มีร่องรอยน้ำกัดเซาะด้านล่างจนเป็นโพรง หลังกำแพงปูนเป็นเนินดินสูงกว่า 3 เมตร ด้านหลังบ้านมีคันดินสูงประมาณ 1.5 เมตร มีรางปูนสำหรับทางน้ำไหลของโรงงาน
น.ส.อุไรรักษ์ เล่าว่า วันที่เกิดเหตุคือวันที่ 22 มิ.ย.66 เวลา 03.00 น. ฝนตกลงมา ตนกับครอบครัว และญาติๆ นอนหลับอยู่ในบ้าน จู่ ๆ มีมวลน้ำไหลมาเร็วมากเข้าท่วมบ้านตนและญาติ ๆ ระดับน้ำเกือบครึ่งตัว ตนจึงวิ่งไปเอาโทรศัพท์ในห้อง จังหวะนั้นลูกตะโกนมาว่า แม่ๆ พ่อถูกไฟดูด ตนออกมาดูก็เห็นสามี (นายมานพ อายุ 38 ปี) นอนแช่น้ำอยู่ที่พื้นแล้ว ณ เวลาน้้นตนไม่ทราบเลยว่าด้านนอกบ้านเกิดอะไรขึ้นบ้าง มารู้อีกทีตอนเช้าว่าน้ำจากโรงงานไหลมาทำกำแพงถล่มจนทับเสาไฟที่ลากเข้าบ้านจนพังเสียหายเป็นเหตุให้ไฟฟ้ารั่ว จนทำให้แฟนถูกไฟฟ้าดูดจนเสียชีวิตขณะที่กำลังหนีน้ำขึ้นที่สูง ทางโรงงานให้เงินเยียวยาที่สามีตนเสียชีวิต 100,000 บาท จึงขอมาแจ้งความที่ สภ.นิคมพัฒนา พร้อมทนายความ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมและดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด
ด้าน น.ส.ลดาวัลย์ อายุ 26 ปี บอกว่า ที่ผ่านมาโรงงานได้มาก่อตั้งก็มีปัญหามาโดยตลอด เมื่อก่อนจุดหลังบ้านตนทางโรงงานได้ขุดเป็นสระกักเก็บน้ำ ทำให้น้ำผุดออกจากใต้ดินในพื้นที่บ้านตน มีน้ำท่วมขังเป็นประจำ เคยร้องไปทางตัวแทนของโรงงานก็มีการนำเงินเยียวยามามอบให้ 3,000 บาท และนำดินมาถมให้แต่ปัญหาน้ำท่วมขังก็ยังเกิดเหมือนเดิม จนตัวบ้านมีรอยร้าวพังเสียหาย และก็ให้เงินเยียวยามาอีก 20,000 บาท หลังจากนั้นทางโรงงานนำโดรนมาบิน พบว่าระดับน้ำสูงกว่าบ้านตน จึงเอาดินมาถมสระ และทำรางน้ำไหล แต่ก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ ทางโรงงานได้ไปเช่าห้องให้ตนอยู่ก่อนในช่วงระหว่างการแก้ไข แต่พอถามถึงระยะเวลาว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ทางโรงงานก็ไม่รับปาก ตนมีบ้านแต่อยู่ไม่ได้ จึงต้องมาร้องขอความเป็นธรรมกับสภาทนายความและสื่อมวลชน
ด้าน นายมานิฎฐ์ เล็กโล่ง ประธานสภาทนายความจังหวัดระยอง กลาาวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นผู้ได้รับความเสียหายเคยมาลงบันทึกประจำวันไว้แล้วในตอนเกิดเหตุแต่ในวันนี้ก็ได้มาแจ้งความเพิ่มเป็นการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษผู้รับผิดชอบซึ่งภรรยาของผู้เสียชีวิตยังรอความหวังว่าจะมีการช่วยเหลือเยียวยาให้มากกว่าการจ่ายมาเพียง 100,000 บาทเพราะความสูญเสียที่เกิดขึ้นมีความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน
ขณะที่ พ.ต.ท.จรัล โคตรประทุม รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.นิคมพัฒนา ยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้นิ่งนอนใจและนายอำเภอก็กำชับว่าให้ดูแลเรื่องนี้เป็นอย่างดีเพราะชาวบ้านเดือดร้อน ที่ผ่านมาทางพนักงานสอบสวนได้ร่วมประชุมกับส่วนที่เกี่ยวข้องมาหลายรอบแล้วและล่าสุดในวันนี้ก็ได้สอบสวนเพิ่มเติมกับทางผู้เสียหายขั้นตอนต่อไปก็จะเตรียมเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบสวนทั้งหมดเริ่มจากการออกหมายเรียกหน่วยงานที่ดูแลในพื้นที่มาสอบปากคำแล้วก็ออกหมายเรียกผู้รับผิดชอบในการก่อสร้างมาสอบปากคำตามลำดับ เมื่อได้ข้อเท็จจริงว่าเป็นการกระทำของบุคคลใดก็จะตั้งข้อกล่าวหาทันที