วันที่ 10 ก.ค. 66 ที่ถนนลำลูกกา 1 ปทุมธานี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการเลือกลงพื้นที่จังหวัดปทุมธานีในวันนี้ ว่า เพราะเป็นพื้นที่ที่ยังไม่เคยลงมาขอบคุณประชาชนประชาชน หลังพรรคก้าวไกลชนะ 6 เขต และพรรคเพื่อไทยได้ที่นั่งไป 1 เขต ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลฝั่งประชาธิปไตยวันนี้จึงถือโอกาสมาขอบคุณ ขณะที่เวลาเหลืออีกแค่ 3 วัน จะถึงวันโหวตนายกรัฐมนตรี มีหลายเรื่องที่ต้องบริหารจัดการซึ่งก็ไม่ได้เกินความคาดหมาย ก็ทำไปแต่ละเรื่อง
นายพิธายืนยันด้วยว่า ยังไม่มีจดหมายแจ้งจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ไปชี้แจงกรณีการถือครองหุ้นไอทีวี ซึ่งตนได้ตรวจสอบไปที่บ้านและที่พรรคก้าวไกลแล้ว และหลังจากไปออกรายการโทรทัศน์มาเมื่อช่วงบ่าย เห็นสื่อมวลชนไปสอบถามที่กกต.แล้ว ยังไม่มีเอกสารให้ไปชี้แจงแต่อย่างใด แต่ทีมกฎหมายก็เตรียมความพร้อมไว้ หากมีหนังสือหรือมีการแจ้งมาแบบด่วนฉับพลัน ก็พร้อมจะไปชี้แจงทันที ส่วนที่มีข่าวออกมาแบบนี้จะถือเป็นการไม่ให้ความเป็นธรรมกับตนเองหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ทุกอย่างต้องดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนของ กกต. แต่ตอนนี้มันก็เหมือนกับว่าเร่งรัดเข้ามา จึงต้องเรียกร้องให้ กกต.มีความเป็นกลาง และความเป็นธรรม
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ ในกรณีที่สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อาจจะเสนอให้เลื่อนโหวตนายกฯ ออกไปก่อน นายพิธากล่าวว่า เห็นจากข่าว แต่ยังไม่ได้อ่านรายละเอียด แต่คิดว่าเป็นหน้าที่ของประธานสภาผู้แทนราษฏรที่จะวินิจฉัย จะบริหารจัดการอย่างไร ตนจึงไม่ขอแสดงความคิดเห็น โดยในวันที่ 11 ก.ค. วิปสามฝ่ายก็จะประชุมหารือกัน เกี่ยวกับขั้นตอนในการโหวตนายกรัฐมนตรี แต่จะราบรื่นหรือไม่ในวันโหวต ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถเท่าที่วิปจะทำได้
นายพิธา ยังกล่าวอีกว่า ในวันที่ 13 ก.ค.ที่จะมีการโหวตนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เรื่องของโชคชะตาฟ้าดิน แต่เป็นเรื่องสำคัญของประชาชน เพราะการมีผู้นำประเทศในช่วงที่ปัญหากำลังถาโถมเข้ามาให้เร็วคือสิ่งสำคัญ แต่แน่นอนว่าเราก็ต้องสู้กับฟ้ากับฝนมากกว่า พึ่งฟ้าพึ่งฝนเพราะปัญหาภัยแล้ง เพราะเรื่องนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน ที่ปรึกษาครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ก็เพิ่งทวีตข้อความ ระบุถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากผลกระทบเอลนีโญซึ่งในวันที่ 14 ก.ค. มีกำหนดการจะไปคุยกับ GISTDA เพื่อจะหาแนวทางในการแก้ปัญหาพวกนี้ เพราะปัญหาประชาชนรอไม่ได้
นายพิธา ยังยืนยันด้วยว่า การที่ลงพื้นที่ถี่ และแน่นเนื่องจากได้เสียง ส.ว.ไม่ครบ ไม่เป็นความจริง เพราะมีทั้งสื่อมวลชนและนักวิชาการบอกว่าอิงหลังประชาชน ให้ประชาชนมาปกป้อง แต่ในทางกลับกัน ตนเองมีหน้าที่ที่จะมาขอบคุณประชาชน และปกป้องเสียงกว่า 25 ล้านเสียง ที่ให้พรรคร่วมรัฐบาลเสียงข้างมากทั้ง 8 พรรคการเมือง ไม่ใช่ให้ประชาชนมาปกป้องแต่ตนเองลงมาปกป้องประชาชนต่างหาก จึงต้องมายืนยันให้แน่ใจว่า ทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี ช่วยกันเลี้ยงความหวัง ให้การมาลงพื้นที่ถือเป็นการรับฟังปัญหาไปในตัวด้วย เพราะเมื่อมีการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก ก็จะได้พร้อมทำงานทันที พร้อมย้ำว่า ไม่ใช่การวัดเสียงของคนนอกสภาฯ กับในสภาฯ เพราะทำแบบนี้ตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้ทุกอย่างด้วยความสม่ำเสมอ เพื่อที่จะแสดงให้ประชาชนเห็น ไม่งั้นจะเกิดความน้อยใจ ว่ามาที่นี่ได้ แต่ไปที่นั่นไม่ได้
นายพิธา ยังเชื่อว่า การนัดชุมนุมของกลุ่มสนับสนุนพรรคก้าวไกล วันที่ 13 ก.ค.จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเรื่องที่ต้องกังวล เชื่อมั่นในการบริหารของประธานสภาฯ จะทำให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยความราบรื่น สงบ เพราะเป็นการสะท้อนถึงการแสดงออกของประชาชน ของคนที่ให้ความสนใจการเมืองได้ลุ้นไปด้วยกัน ส่วนการโหวตเลือกนายกฯจะเหมือนปี 2562 หรือไม่ ขึ้นอยู่กับประธานวิปรัฐบาล ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตนเอง
เมื่อถามถึงกรณีที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ออกมาเตือนว่า การเคลื่อนไหวลงพื้นที่ จะถือเป็นการตีปลาในน้ำตื้นหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ทั้งรัฐสภา และฝ่ายความมั่นคงจะดูแลความปลอดภัย และความเรียบร้อยอย่างเต็มที่ ไม่ให้มีการสร้างสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นในวันที่ 13 ก.ค. เพราะส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย คือการเปลี่ยนผ่านอย่างสันติ ไม่ใช่แค่การเลือกตั้งอย่างเดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการสัมภาษณ์ นายพิธา ได้พบปะกับแฟนคลับที่มารอ ก่อนขึ้นรถแห่ขอบคุณทุกคะแนนเสียงของชาวจังหวัดปทุมธานี เริ่มต้นจากถนนลำลูกกาข้างสนามกอล์ฟธูปเตมีย์ ไปตามเส้นทางผ่านหน้าสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสคูคต บิ๊กซีคลองสี่ ก่อนสิ้นสุดที่ตลาดกลางลาดสวาย บรรยากาศตลอดทาง มีประชาชนออกมาโบกมือทักทายถือป้ายข้อความให้กำลังใจนายพิธา ในการเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย