เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 10 ก.ค. 66 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือก (กกต.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากที่นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น ทนายความจังหวัดบุรีรัมย์ ได้เข้าเดินทางไปยังรัฐสภาเพื่อยื่นหนังสือต่อ อ.วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เพื่อให้ตรวจสอบพฤติกรรมของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ได้ไปยื่นเอกสารเพิ่มเติมกับทาง กกต. กรณีการถือครองหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาตีความต่อไป ทนายอั๋นได้เดินทางมาที่สำนักงานกกต. เพื่อยื่นหนังสือต่อกกต.ในกรณีเดียวกันข้างต้น

โดยนายภัทรพงศ์ กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าตนไปยื่นหนังสือที่รัฐสภาต่อ นายวันมูหะมัดนอร์ ในฐานะประธานรัฐสภา เพื่อให้ควบคุมดูแล ส.ว. ในพฤติกรรมที่ ส.ว. มายุ่งเกี่ยวกับ กกต. ในการไต่สวนข้อเท็จจริงของนายพิธา ซึ่งขัดรัฐธรรมนูญ ม.113 มีผลทำให้สมาชิกภาพสิ้นสุดลง ซึ่งตอนนี้ กกต. มีเพียงข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวในส่วนของ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.), นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดินและส.ว. ได้แก่ นายเสรี สุวรรณภานนท์ และนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ซึ่งเป็นคนที่อยู่ตรงข้ามกับนายพิธา ทั้งสิ้น แล้วเหตุใด กกต. ถึงยังกล้าประชุม และส่งศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความทั้งที่ข้อมูลมีความผิดเพี้ยนกับรูปแบบไปหมดเลยเพราะเรื่องนี้พี่น้องประชาชนติดตามอยู่ทั่วประเทศ แต่ กกต. กลับทำผิดขั้นตอน และวิธีการสุ่มเสี่ยงต่อการผิดกฎหมายตามประมวลกฎหมาย ม.157 

“ไม่ว่าจะเป็น กกต. หรือ ส.ว. ถ้าผมเป็นทนายความของนายพิธา จะจัดการเรียงตัว ผมพร้อมจะชนทุกคน นี่ขนาดตนเป็นตัวแทนของคนที่รักความถูกต้อง และอยากทำให้บ้านเมืองเป็นไปตามครรลองได้ตามอิสระผมก็สู้ยิบตา” นายภัทรพงศ์ กล่าว  

นายภัทรพงศ์ กล่าวอีกว่า หาก กกต. ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ตนก็จะติดตามเพื่อให้ตรวจสอบเรื่องที่ ส.ว. โดดมาเล่นกับประเด็นนี้ และฝากไปถึง นายเสรี ว่า ออกมาให้สัมภาษณ์เก่งมาก แต่เมื่อท้าให้มาดีเบตร่วมกัน นำข้อเท็จจริงมาชี้แจงกลับไม่มีใครกล้าทำ อีกทั้งนอกจากจะมาติดตามกระบวนการที่ผิดเพี้ยนของ กกต. แล้ว ความจริงเราไม่รู้ว่า กกต. จะส่งหรือไม่ส่ง เพราะอยู่ในขั้นตอนของการประชุมกันอยู่ แต่อย่างไรเสียก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะคิดประชุม เพราะมันไม่มีกฎหมาย ไม่มีระเบียบ ไม่มีอำนาจใดๆ มันเปรียบเหมือนละครน้ำเน่าหลังสองทุ่ม 

นอกจากนี้ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร หลังประชุม กกต. ก็สุ่มเสี่ยงที่จะผิด ม.157 และเมื่อครั้งก่อนตนมาขอเข้าพบนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. แต่กลับไม่ให้ตนเข้าพบ แต่ให้ ส.ว. เข้าพบ โดยไม่ต้องมีการนัดหมาย ดังนั้น“ท่านประธาน กกต. อย่านึกว่า ตัวเองเป็นเทวดา ท่านก็เป็นเพียงแค่ข้าราชการรับใช้ประชาชน”

“ผมได้รับข่าววงในมาว่า ตอนนี้เสียงของ ส.ว. เพียงพอต่อการโหวตนายพิธาแล้ว จึงทำให้ กกต. ต้องมาใช้กลไกกระจอกๆ และท้ายที่สุดตอนนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ใครโง่กว่ากัน แต่รู้แค่ว่า กกต. โง่กว่า ส.ว.” ภัทรพงศ์ กล่าว