ด้วยสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ มีแนวทางมุ่งจะผลักดันให้ภาคเหนือตอนบนเป็นจุดหมายปลายทางการจัดงานไมซ์ทางด้านชาและกาแฟระดับนานาชาติ ในเบื้องต้นได้ปักหมุดหมายไว้ที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ในการผลักดันให้เป็นเมืองแห่งชาและกาแฟระดับโลก โดยอาศัยอัตลักษณ์ของเมืองที่มีจุดเด่นทางภูมิศาสตร์ที่เป็นแหล่งเพาะปลูกชาและกาแฟชั้นเลิศ นอกเหนือจากทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งในเรื่องนี้ นายภูริพันธ์ บุนนาค รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ ได้สะท้อนแผนการ การส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ในภาคเหนือได้อย่างน่าสนใจ
สร้างจุดขายจากอัตลักษณ์ของเมือง
โดย นายภูริพันธ์ กล่าวว่า ปีนี้ทีเส็บดำเนินงานผ่าน 3 โครงการหลัก คือ โครงการพัฒนาต่อยอดอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และสินค้าชุมชน ผ่านการจัดงานแสดงสินค้าและการประชุมด้านชาและกาแฟระดับนานาชาติ หรือ World Tea and Coffee Expo ซึ่งได้จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่สามเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โครงการสนับสนุนไมซ์ซิตี้และเมืองในภาคเหนือที่มีศักยภาพในการทำตลาดเมือง (Destination Marketing) โดยการสร้างจุดขายจากอัตลักษณ์ของเมือง (City DNA) และโครงการบูรณาการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ: ไมซ์สร้างสรรค์ รวมพลังชุมชนภาคเหนือ ผ่านการพัฒนาเส้นทางใหม่ๆ รองรับกิจกรรมไมซ์ และผลิตภัณฑ์ไมซ์จากชุมชน
พร้อมกันนี้ ยังให้การสนับสนุนการจัดงานไมซ์ในพื้นที่ภาคเหนืออย่างต่อเนื่องด้วย โดยมีงานสำคัญอย่าง “การประชุมเครือข่ายชา-กาแฟ ประเทศไทย 2566” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง ทีเส็บ สถาบันชาและกาแฟแห่งมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง หน่วยงานภาครัฐในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และผู้ประกอบการชาและกาแฟ กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-8 กรกฎาคม 2566 คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 300 คน งานนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมชา-กาแฟ และผลักดันจังหวัดเชียงรายให้เป็น “นครแห่งชาและกาแฟ” ตามนโยบายของจังหวัด
ขยายผลจากการส่งเสริมอัตลักษณ์
ซึ่ง นายภูริพันธ์ กล่าวว่า การดำเนินจะสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี (2566-2570) ของทีเส็บ ที่มุ่งเน้นการชูอัตลักษณ์เมืองในการยกระดับศักยภาพรองรับการจัดงานไมซ์ในแต่ละพื้นที่ ขยายผลการส่งเสริมอุตสาหกรรมด้านชาและกาแฟด้วยอุตสาหกรรมไมซ์ มุ่งหวังปักหมุดหมายให้ภาคเหนือตอนบนเป็นจุดหมายปลายทางไมซ์ด้านชาและกาแฟในระดับนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการจัดประชุมเชิงวิชาการ งานแสดงสินค้า รวมถึงการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลขององค์กรธุรกิจ
สำหรับภาคเหนือของประเทศไทยเป็นแหล่งปลูกชา กาแฟ ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ มีชื่อเสียงได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็นผู้ผลิตเมล็ดกาแฟระดับพรีเมียมและใบชาชั้นเลิศ จังหวัดเชียงรายถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ศักยภาพของภาคเหนือ ซึ่งทีเส็บได้มีการทำงานบูรณาการกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษาในพื้นที่ เพื่อจะพัฒนาต่อยอดอุตสาหกรรมชาและกาแฟ โดยใช้ไมซ์ในการขับเคลื่อน ส่งเสริมให้มีการจัดประชุม แสดงสินค้า การสร้างเครือข่าย การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน เพื่อให้เกิดความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างผู้ปลูก ผู้แปรรูป และผู้จัดจำหน่าย ตลอดจนนักวิจัย เชื่อมโยงไปถึงการส่งเสริมให้เกิดการเดินทางเชิงธุรกิจด้านชาและกาแฟในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการจัดงาน กระจายรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาค”
ผลักดันให้แต่ละพื้นที่เป็นฮับการค้า
อีกทั้ง นายภูริพันธ์ กล่าวว่า กิจกรรมที่น่าสนใจภายใต้โครงการพัฒนาต่อยอดอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และสินค้าชุมชน หรือ World Tea and Coffee Expo อาทิ การประชุมสร้างเครือข่ายทางธุรกิจเพื่อพัฒนาช่องทางการลงทุน หรือ The 4th Tea and Coffee International Symposium ในเดือนสิงหาคม 2566 ณ จังหวัดเชียงราย การอบรมพัฒนาศักยภาพและการสร้างเครือข่ายระหว่างเกษตรกร และผู้ผลิตนอกพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อต่อยอดความร่วมมือในการผลักดันให้ภาคเหนือตอนบนเป็นศูนย์กลางการผลิต การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจด้านชาและกาแฟของภูมิภาคอาเซียน กำหนดจัดระหว่างวันที่ 7-10 กันยายน 2566 ณ จังหวัดสงขลา
นอกจากนี้ ทีเส็บยังได้จัดกิจกรรม “ไมซ์ดีดี ที่เจียงฮาย” นำคณะสื่อมวลชนสร้างประสบการณ์วิถีแห่งชาและกาแฟ เปิดเส้นทางรองรับการจัดกิจกรรมไมซ์ใหม่ๆ อาทิ ชุมชนท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์บ้านผาฮี้ หนึ่งในแหล่งปลูกกาแฟที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ในประเทศไทย ต้นแบบวิถีชีวิตพอเพียงที่ยังคงวิถีความเป็นอยู่แบบดั้งเดิมของชนเผ่าอาข่าไว้ได้เป็นอย่างดี ชมสาธิตการชงชาด้วยน้ำที่มีค่า TDS (Total Dissolved Solids) ที่ต่างกันซึ่งจะส่งผลต่อรสชาติของชา ณ สวรรค์บนดินฟาร์มแอนด์ทีเฮ้าส์ และร่วมกิจกรรมซีเอสอาร์ ณ โรงเล่น เรียนรู้ พิพิธภัณฑ์เล่นได้ สัมผัสกับผืนป่าที่เป็นเสมือนวัสดุชั้นเยี่ยมในการนำมาสร้างของเล่นพื้นเมืองให้กับเด็กๆ ได้เล่นและเรียนรู้