นายกฯ" เผยนำรายชื่อ"ประธาน-รองประธานสภา" ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว "พิเชษฐ์"กางไทม์ไลน์ประชุมสภาโหวตนายกฯ ให้โอกาส"พิธา" 3 ครั้ง "เอกนัฏ"วอนหยุดปั่น ยัน"รทสช."ไม่เสนอชื่อ"พีระพันธุ์"แข่ง"พิธา" ตอกย้ำไม่เอารัฐบาลเสียงข้างน้อย ด้านวิจารณ์มั่นใจส.ว.เคารพเสียงประชาชน  
       
     ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 6 ก.ค.66 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงการนำชื่อประธานและรองประธานผู้แทนราษฎร ขึ้นทูลเกล้าฯ ว่า "ทำแล้วจ๊ะ ทำแล้ว รอก่อนนะ"  


 นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สื่อวิพากษ์วิจารณ์ภาพ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นั่งลักษณะคล้ายหลับระหว่างการประชุมสภา ว่า ไม่ใช่ความจริง แต่เป็นการจับผิดมากกว่า ตนคิดว่าเป็นเรื่องดีที่พล.อ.ประวิตรมาร่วมเข้าประชุม เข้าใจว่าการนั่งประชุมสภาค่อนข้างนาน สมาชิกทุกคนย่อมเมื่อยล้าได้ จากภาพที่ปรากฏก็เป็นปัจจัยหนึ่งให้สมาชิกส่วนหนึ่งไม่เข้าประชุมสภา เพราะเกรงว่าสื่อมวลชนจะถ่ายภาพในเชิงจับผิดกัน เชื่อจะไม่มีผลกระทบมากมาย เพราะสภาก็ต้องทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ส่วนรวมต่อไป
    
 เมื่อถามว่า การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 ก.ค.จะมีปัญหาหรือไม่  นายชวน กล่าวว่า กฎหมายไม่ได้ระบุว่าประชุมได้กี่ครั้ง แต่ก็ต้องรอให้มีการโปรดเกล้าฯ ประธานสภาและรองประธานสภาก่อน เพื่อกำหนดการประชุมให้ชัดเจน ทั้งนี้ตนได้ไปแสดงความยินดีกับ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ว่าที่ประธานสภา พร้อมกำชับให้คณะทำงานของนายวันนอร์ดูแลสุขภาพของท่านด้วย เนื่องจากมีอายุมาก และต้องทำหน้าที่ควบคุมการประชุมเป็นเวลานาน อีกทั้งภาระงานต่างๆ หนัก
    
 นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ว่าที่รองประธานสภาคนที่ 2  ให้สัมภาษณ์ถึงการโหวตเลือกนายกฯในวันที่ 13 ก.ค. ว่า  หากเลือกนายกฯวันที่ 13 ก.ค. ถ้ายังไม่ได้นายกฯ จะให้เลือกรอบ 2 วันที่ 19 ก.ค. และรอบ 3 วันที่ 20 ก.ค. คาดว่า 3 วันนี้ น่าจะเพียงพอได้นายกฯแล้ว ถ้ายังไม่ได้จะคุยกันใหม่ แต่จะเปิดโอกาสให้ 3 ครั้งก่อน เพราะการเรียกประชุมบ่อยๆ ใช้สมาชิก 750 คน ค่อนข้างลำบาก เวลา 3 วันเยอะแล้ว อยากให้ได้ภายใน 3 วันนี้ 
    
 "หากกำหนด 3 ครั้งแรกแล้วยังไม่ได้ตัวนายกฯ ขึ้นอยู่กับที่ประชุมรัฐสภา และที่ประชุม 8 พรรคจะต้องพูดคุยกันเป็นการภายใน ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ส่วนจำนวนส.ว.ที่จะสนับสนุนโหวตให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ นั้น ไม่ทราบแน่ชัดมีเท่าใด  แต่เท่าที่พูดคุยกับส.ว.มีเจตนาดีต้องการให้การจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ประเทศเดินหน้าได้" นายพิเชษฐ์ กล่าว
   
  ด้าน นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกฯ ปฎิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ  กล่าวถึงการประชุมพรรคในวันที่ 11 ก.ค.ว่า จะมีการประชุมในช่วงบ่ายของวันดังกล่าวก่อนที่จะมีการประชุมสภาฯ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ต้องประชุมกันทุกวันอังคารของสัปดาห์ เพื่อทำความเข้าใจกับสมาชิกพรรค โดยเฉพาะส.ส.ว่าจะมีวาระอะไรบ้างหรือแนวทางการลงมติว่าจะไปในทิศทางใดเป็นเรื่องปกติ
   
  ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรครวมไทยสร้างชาติจะเสนอรายชื่อชิงนายกฯ หรือไม่ นายอนุชากล่าวว่า รอให้มีการพูดคุยในวันที่ 11 ก.ค.ก่อน ขอดูภาพรวมตอนนี้ก่อน ในวันดังกล่าวน่าจะมีข้อสรุปเพื่อให้เป็นในทิศทางที่เข้าใจตรงกันทั้งหมด เมื่อถามว่า หากมีการเสนอชิงนายกฯจะเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ต้องรอการประชุม เพราะจะมีการพูดคุยแง่มุมต่างๆ หลังจากประชุมเสร็จทางโฆษกพรรคจะแถลงให้ทราบ เมื่อถามว่า ชื่อของพล.อ.ประยุทธ์ยังมีสิทธิ์เสนอได้ใช่หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ตรงนี้ไม่ทราบ เป็นเรื่องของพรรคที่จะต้องดูอีกทีว่าจะเป็นอย่างไร 

 ผู้สื่อข่าวถามถึงการตั้งวิปรัฐบาลเดิมไว้เพื่อประสานงานกัน นายอนุชากล่าวว่า เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านจะต้องมีผู้ทำหน้าที่วิปเพื่อจะได้ประสานงานกับฝ่ายบริหารกับทางรัฐบาลโดยตรง ส่วนฝ่ายค้านมีไว้ประสานงานเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ เมื่อถามย้ำว่า ทางซีกรัฐบาลเดิมจะมีการตั้งมาไว้ประสานงานกันใช่หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า เป็นการพูดคุยกันเบื้องต้น และนำเสนอแนวคิด แต่ยังไม่ได้มีการประสานกันในรายละเอียด ต้องดูหลังการประชุมพรรคในวันที่ 11 ก.ค.ก่อนว่าเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวเป็นแนวคิดที่แม้จะต่างพรรคกัน แต่มีแนวคิดเดียวกัน ซึ่งจะพูดคุยกันว่าแนวทางการลงมติ หรืออะไรต่างๆ จะเป็นในแนวทางใด ซึ่งอาจจะมีเพิ่มเติมขึ้นมาเพื่อประสานงานกัน เป็นเรื่องปกติของทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล
    
 เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยเห็นด้วยในเรื่องนี้หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกับทางพรรคภูมิใจไทยในรายละเอียด เมื่อถามว่า กังวลเกี่ยวกับท่าทีของพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ในกรณีที่โหวตเสียงแตกจากขั้วรัฐบาลเดิม นายอนุชา ปฏิเสธจะตอบคำถาม
 ขณะที่ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงถึงจุดยืนทางการเมืองของพรรคโดยระบุว่า ขอยืนยันว่าการที่ รทสช.ส่งคุณวิทยา สู้กับก้าวไกลในการโหวตรองปธ.สภา เป็นการสู้เพื่อแสดงจุดยืน ไม่นำมาสู่การตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยอย่างแน่นอน 
    
 การโหวตประธานสภาและนายกฯ มีกลไกที่แตกต่างกันครับ การโหวตประธานสภาจะใช้ เสียงส่วนมาก ในที่ประชุม ใครที่ถูกเสนอชื่อแล้วได้คะแนนมากสุดจะได้เป็น หรือหากไม่มีคู่แข่งก็ได้เป็นเลยโดยที่ไม่ต้องโหวตแข่ง ต่างจากการโหวตนายกฯที่ต้องได้ คะแนนเสียงไม่ตํ่ากว่ากึ่งหนึ่ง(หรือ375) ของรัฐสภา หากเสนอชื่อมาคนเดียว ก็ไม่ได้เป็น จะได้เป็นก็ต่อเมื่อข้ามรั้ว 375 เสียงไปได้เท่านั้น 
    
 ดังนั้นในการโหวตรองประธานสภา หากเราไม่ส่งคุณวิทยาไปแข่ง ก็เท่ากับเราสนับสนุนให้แคนดิเดตของพรรคก้าวไกลเป็นรองประธานสภาโดยอัตโนมัติ เราจึงส่งแข่ง เพื่อแสดงจุดยืนให้ชัด ถึงแม้ทราบดีอยู่แล้วว่าแทบจะไม่มีโอกาสชนะเลยก็ตาม
    
 ส่วนการโหวตนายกฯ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต มีกระแสข่าวว่ารทสช.จะส่งคุณพีระพันธุ์แข่งกับคุณพิธานั้น ไม่เป็นความจริงครับ ผมเองอยากเห็นคุณพีระพันธุ์เป็นนายกฯ และเชื่อว่าท่านจะเป็นนายกฯที่ดีเพราะท่านเป็นนักการเมืองนํ้าดี สุจริต เที่ยงธรรม แต่ต้องยอมรับว่าพรรคเรามีเพียง 36 เสียง ไม่พอที่จะไปเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และคุณพีระพันธุ์กับผมก็ไม่เคยมีความคิด และไม่สนับสนุนการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภาฯ อย่างเด็ดขาด ถึงจะตั้งไปก็อยู่ไม่ได้ครับ
   
  อย่างไรก็ตาม การแสดงจุดยืนว่าเราไม่รับนายกฯหรือรัฐบาลที่จะแก้หรือยกเลิก ม.112 สามารถทำได้ด้วยวิธีไม่โหวต โหวตไม่รับ หรืองดออกเสียงครับ ไม่ต้องส่งแข่งก็สู้ได้ (ต่างจากรองประธานสภา) การไม่ส่ง ไม่โหวต หรืองดออกเสียง ด้วยกลไกการโหวตที่ไม่เหมือนกัน จึงมีผลไม่เหมือนกัน มีคนพยายามกุข่าวลือ สร้างข่าวเพื่อให้การต่อสู้ของเรานั้นสูญเสียความชอบธรรม เข้าใจผิดคิดว่าเป็นขบวนการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย
    
 ผมขอปฏิเสธชัดๆไปเลย ว่า เราไม่เอารัฐบาลเสียงข้างน้อย หากจะต้องเป็นฝ่ายค้านก็เป็นครับ คุณพีระพันธุ์ ผม และเพื่อนส.ส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ติดใจ การจะได้เป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ไม่สำคัญไปกว่าการรักษาจุดยืนของเราครับ เราจะทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ สร้างความมั่นคงให้ชาติ สร้างความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ สร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม ผดุงความยุติธรรม ให้ความเป็นธรรม แต่จะ #ไม่แก้112 #ไม่เปลี่ยนวันชาติ #ไม่แบ่งแยกดินแดน เราจะผลักดันการเปลี่ยนแปลงด้วยการเสริมเติมต่อจากสิ่งดีๆ ที่มีอยู่แล้วในประเทศของเราครับ

 ที่อาคาอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางเข้ามายังที่ทำการพรรค พร้อมกล่าวสั้นๆ ถึงกรณีความคืบหน้าการปฏิรูปกองทัพใน MOU ข้อที่ 4 ว่ากำลังทำอยู่ เมื่อถามถึงความคืบหน้าเสียงของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) นายพิจารณ์ กล่าวว่า ยังคงเดินหน้าพูดคุยกับ ส.ว. อยู่ตลอดเวลา ในส่วนของความกังวล ที่ว่าหลายฝ่ายมีการเปลี่ยนใจ และจำนวนอาจจะไม่พอสำหรับโหวตนายกนั้น นายพิจารณ์ ระบุว่า ยังมั่นใจว่า ส.ว. จะเคารพเสียงของประชาชนจากการเลือกตั้ง 
     
เมื่อถามถึงกรณีที่ นายเอกนัฏออกมาระบุจะไม่ส่ง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ชิงตำแหน่งนายกฯ แข่งกับนายพิธาและจะไม่จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย นายพิจารณ์ กล่าวว่า "ก็ดีแล้วครับ"  
       
 วันเดียวกัน นายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มม็อบราษฎร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า เหตุผลที่คนยังเชียร์พรรคก้าวไกลอยู่เพราะเชื่อว่าพรรคจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสนอกฎหมายที่มีความแหลมคมต่อยุคสมัย ถ้าพรรคหันหลังให้กับสิ่งที่ให้คำมั่นไว้ก่อนเลือกตั้งลดเพดานเพียงเพื่อให้ได้เป็นนายกฯ ผมเชื่อว่าทุกคนจะหันหลังให้ แต่ถ้าพรรคก้าวไกลยังยืนหลังตรง คนนอกสภาก็ถึงไหนถึงกัน
     
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ส่วนตัว ศรีสุวรรณ จรรยา  ระบุว่า ศรีสุวรรณจ่อร้อง ป.ป.ช.ตรวจสอบจริยธรรมศิริกัญญาปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ในสภาหรือไม่
    
 ทั้งนี้ในระหว่างที่ประธานสภานำกล่าวปฏิญาณตนครั้งแรกในรัฐสภา ซึ่งถือเป็นพิธีการที่ต้องให้คำมั่นสัญญาต่อที่ประชุมรัฐสภา คุณไหม ศิริกัญญา ดูเหมือนจะไม่ปฏิญาณตน มีแต่แสยะยิ้ม และหันไปเล่นกับพิธาโดยเฉพาะช่วงที่ต้องกล่าวคำว่า "ข้าพเจ้าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน" เท็จจริงอย่างไรไปให้ ป.ป.ช.พิสูจน์ครับ
    
 ก่อนเข้ารับหน้าที่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาต้องปฏิญาณตนในที่ประชุมแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกด้วยถ้อยคำ ดังต่อไปนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอปฏิญาณว่า ข้าพเจ้าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ