วันที่ 6 ก.ค.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความเคลื่อนไหวของส.ว.ที่ก่อนหน้านี้มีส.ว.ร่วม 20 คน ประกาศจะสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ตามเสียงข้างมากที่ได้รับฉันทามติจากประชาชน แต่หลังจากที่พรรคก้าวไกลยังยืนยันจะเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ต่อสภาฯ เกิดความลังเล พร้อมกลับลำไม่โหวตสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้เหลือเสียงส.ว.ที่พร้อมหนุนขณะนี้ไม่ถึง 10 คน มีแนวโน้มค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า นายพิธาจะได้รับเสียงสนับสนุนเป็นนายกฯจากส.ส.และส.ว.ไม่ถึง 376 เสียง ในการประชุมรัฐสภาในวันที่ 13 ก.ค.เพื่อโหวตนายกรัฐมนตรี 

ด้านนายทรงเดช เสมอคำ ส.ว.กล่าวว่า เดิมเคยมีหลักการโหวตให้พรรคการเมืองที่รวมเสียงส.ส.ข้างมากได้เกิน 250 เสียง เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ถ้านายพิธา ยังมีจุดยืนแก้ไขมาตรา112 ก็ไม่สามารถโหวตให้เป็นนายกฯได้ เพราะมาตรา 112 แตะต้องไม่ได้ไม่ว่าจะยกเลิกหรือแก้ไข ดังนั้นถ้าพรรคก้าวไกลยังมีนโยบายแก้ไขมาตรา112 ก็จะไม่โหวตให้แน่นอน แต่จะต้องยกเลิกการแก้ไขมาตรา 112 เท่านั้น ค่อยว่ากัน 
 
ขณะที่นางประภาศรี สุฉันทบุตร ส.ว. กล่าวยืนยันว่าจากที่เคยโพสต์ข้อความว่าสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกมนตรีนั้น ขณะนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลง ยังสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯเช่นเดิม เนื่องจากจะโหวตให้พรรคเสียงข้างมาก หากนายพิธาไม่ได้รับเลือกเป็นนายก ฯแล้วพรรคอันดับสองเสนอแคนดิเดดเป็นนายกฯก็จะเลือกนายกฯจากพรรคอันดับ2 แต่หากยังไม่ได้รับเลือกอีก แล้วพรรคเสียงข้างน้อยเสนอตัวเป็นนายกฯ ตนจะไม่เลือก  

เมื่อถามว่าแสดงว่า ไม่ติดใจในเรื่องการแก้ไขมาตรา112 ของพรรคก้าวไกล นางประภาศรีกล่าวว่ าเรื่องมาตรา 112 หรือเรื่องหุ้นไอทีวีเป็นเรื่องขององค์กรที่เกี่ยวข้องจะพิจารณา  ส.ว.ไม่มีหน้าที่ไปตัดสินเรื่องเหล่านี้