ราม  วัชรประดิษฐ์   พระผงของขวัญวัดปากน้ำ ของ ท่านเจ้าประคุณพระมงคลเทพมุนี หรือ หลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ ธนบุรี นั้น เป็นพระเครื่องที่ขึ้นชื่อลือชาเป็นอย่างยิ่งและมีผู้นิยมบูชาแสวงหา ตลอดจนต้องการรู้หลักการพิจารณาเบื้องต้นกันมากมาย ดังนั้นจึงเห็นควรว่าน่าจะพูดคุยกันเป็นเบื้องต้นเกี่ยวกับพระยอดนิยมพิมพ์นี้เพราะอธิบายทางโทรศัพท์ หรือทาง e-mail กันไม่หวาดไม่ไหวแล้ว  เจ้าคุณพระมงคลเทพมุนี (สด) วัดปากน้ำภาษีเจริญ เจ้าคุณพระมงคลเทพมุนี (สด) เกิดวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ.2427 ที่ บ้านสองพี่น้อง ต.สองพี่น้อง อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี โยมบิดามารดา ชื่อ นายเงิน และ นางสุดใจ มีแก้วน้อย ยึดอาชีพค้าขาย มีพี่น้องร่วมมารดาบิดา 5 คน หลวงพ่อสดเป็นคนคิดจริงทำจริงมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเยาว์วัยเรียนหนังสือวัดกับพระภิกษุน้าที่วัดสองพี่น้อง ต่อมาศึกษาอักขรสมัยกับพระอาจารย์ทรัพย์ที่วัดบางปลา อ.บางเลน จ.นครปฐม ท่านเขียนอ่านหนังสือขอมได้คล่องแคล่วเร็วรวดเร็วกว่าเด็กคนอื่น เมื่ออายุครบบวชได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ณ วัดสองพี่น้อง มี พระอาจารย์ดี วัดประตูศาล จ.สุพรรณบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูวินยานุโยค (เหนี่ยง อินฺทโชโต) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์โหน่ง อินฺทสุวณฺโณ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “จนฺทสโร”  หลวงพ่อสดตั้งใจศึกษาพระปริยัติธรรมและวิปัสสนาธุระจนแตกฉาน จากนั้นแสวงหาความรู้เพิ่มเติมจากพระเกจิผู้เชี่ยวชาญด้านวิปัสสนาธุระหลายสำนัก อาทิ พระมงคลทิพยมุนี วัดจักวรรดิราชาวาส กทม., พระอาจารย์ดี วัดประตูศาล จ.สุพรรณบุรี, พระอาจารย์โหน่ง วัดสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี, พระอาจารย์เนียม วัดน้อย จ.สุพรรณบุรี, พระสังวรานุวงษ์ วัดราชสิทธาราม กทม., พระครูญาณวิรัติ (โป๊ะ) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กทม., พระอาจารย์สิงห์ วัดละครทำ กทม.และพระอาจารย์ปลื้ม วัดเขาใหญ่ จ.กาญจนบุรี เป็นต้น วัดปากน้ำ ในปี พ.ศ.2463 หลวงพ่อสดได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ปกครองดูแลและพัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรือง มุ่งมั่นเผยแผ่หลักธรรมคำสอนในพระบวรพุทธศาสนา จนเป็นที่เคารพสักการะของญาติโยมสาธุชนทั้งหลายและมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ท่านได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์เรื่อยมา สมณศักดิ์สุดท้ายเป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ "พระมงคลเทพมุนี" ท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2502 สิริอายุได้ 75 ปี 53 พรรษา “พระผงของขวัญวัดปากน้ำ” นี้ สร้างเมื่อครั้งหลวงพ่อสดเป็นเจ้าอาวาส เพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับผู้มีจิตศรัทธาสมทบทุนช่วยกันสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม นับเป็นการบอกบุญรุ่นแรกๆ และมอบพระให้เป็นที่ระลึกเลยเรียกกันว่า “พระของขวัญ” ซึ่งจัดสร้างเป็นพระเนื้อผง ประกอบด้วยวัตถุมงคลต่างๆ มีตัวหลักเป็นผงปูนและเขียนผงเป็นยันต์วิเศษตามตำรับ เช่น ผงมหาราช ผงอิทธิเจ ผงปถมัง เป็นต้น มีมวลสารอื่นๆ อาทิ ดอกมะลิแห้งที่มีผู้นำไปบูชา เส้นพระเกศาของหลวงพ่อสดเอง    รุ่น 1 พระวัดปากน้ำ มีอยู่ด้วยกัน 3 รุ่น ปรากฏว่า พุทธคุณเป็นที่เลื่องลือทั้งด้านเมตตามหานิยม มหาลาภ แคล้วคลาด คงกระพัน จนพูดกันติดปากว่า “ถ้ามีพระวัดปากน้ำอยู่กับตัวแล้ว ในน้ำไม่ตาย บนบกไม่ตาย กลางอากาศไม่ตาย ลาภผลไม่ขาดมือ และมีค่าเท่ากับสมบัติพันล้าน หากมุ่งฟวังสิ่งใดก็ให้อธิษฐานเถิดจักเกิดสัมฤทธิ์ผลทุกประการ” และเนื่องจากองค์พระเป็นเนื้อผงจึงมีความเปื่อยยุ่ยง่าย ดังนั้นจึงพบว่าบางองค์มีการนำมาลงแลคเกอร์เพื่อให้เกิดความคงทน   พระปากน้ำรุ่นแรก เป็นพระผงสีขาวนวลเนื้อองค์พระจะแห้งนุ่มนวล มีลักษณะเหมือนจะยุ่ย ไม่แกร่ง เมื่อถูกน้ำก็อาจจะละลายได้ง่าย พุทธลักษณะอยู่ในกรอบรูปสี่เหลี่ยม องค์พระประทับนั่งขัดสมาธิราบปางประธานพรกระทำพระหัตถ์ขวาเป็น “มุทรา” เห็นพระดัชนีชัดเจน ประทับนั่งเหนือบัลลังค์บัวคว่ำบัวหงาย ภายใต้ซุ้มเรือนแก้วมีเส้นรัศมีกระจายจากซุ้มในแนวขวางสื่อถึง ฉัพรรณรังสี ด้านหลังมียันต์เป็นอักษรขอมอ่านได้ว่า “ธรรมขันธ์” เนื่องจากสร้างจำนวนพอสมควรจึงใช้แม่พิมพ์ถึง 10 พิมพ์ แต่จะมีจุดสังเกตแห่งพุทธศิลปะโดยรวมที่พอพิจารณาเป็นเบื้องต้นได้ดังนี้ รุ่น 2 -เส้นรัศมีที่ขวางทางด้านขวามีจำนวน 11 เส้น เส้นรัศมีด้านขวามี 13 เส้น ครูบาอาจารย์เก่า ๆบอกว่าเหมือนบานเกล็ดที่เปิดปิดได้ -เค้าพระพักตร์ส่วนพระปราง หรือ แก้มพอง ออกเป็นรูปกลมยกเว้นปลายคางที่สอบแหลมเล็กน้อย -องค์พระจะอวบอ้วนนูนสูงกว่ารุ่นสองและรุ่นสาม ข้อพระกรซ้ายจะเรียวเล็ก พระหัตถ์ที่ยกขึ้นจีบนิ้วหนาใหญ่กว่ารุ่นอื่น -พระกรรณด้านขวาจะยาวกว่าด้านซ้าย ให้สังเกตเกือบทุกพิมพ์ ด้านบนขององค์พระจะกว้างกว่าด้านล่าง (เกือบสังเกตไม่เห็น) รุ่น 3 (พิมพ์เล็ก) พระวัดปากน้ำรุ่นสอง พุทธลักษณะพิมพ์ทรงเหมือนรุ่นแรก แต่เนื้อจะเพิ่มตัวประสานคือน้ำมันตัวอิ้ว และพิถีพิถันในการกดพิมพ์ให้แน่นขึ้น ดังนั้นเนื้อองค์พระจะแกร่ง ดูไม่ยุ่ย รวมทั้งดูไม่เก่าเหมือนรุ่นแรกและจุดสังเกตที่เป็นเอกลักษณ์ต่างกัน   พระวัดปากน้ำรุ่นสาม พุทธลักษณะจะต่างจากรุ่นแรกและรุ่นสองอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากนำแม่พิมพ์เดิมมาตกแต่งเพิ่มเติมและจัดสร้างเป็นจำนวนมากทำให้ต้องใช้แม่พิมพ์จำนวนมาก จะเห็นความคมชัดและสวยงามขององค์พระกว่ารุ่นหนึ่งและรุ่นสอง เนื้อมีความแกร่งเพราะเพิ่มตัวประสานกันพระยุ่ย องค์พระจะดูใหม่และมีกลิ่นน้ำมันตังอิ้วผสมอยู่ อีกทั้งเอกลักษณ์ในแม่พิมพ์ก็ต่างกัน   ตามความเห็นของผมแล้วการแยกพระ รุ่นสอง รุ่นสาม ไม่ใช่ปัญหา แต่เรื่องยากคือการดูรุ่นหนึ่งให้ขาด เนื่องจากมีทั้งลงแลคเกอร์และไม่ลง อีกทั้งมีพิมพ์ต่างๆ อีกนับสิบพิมพ์ซึ่งต้องสังเกตและพิจารณาให้รอบคอบครับผม