วันที่ 5 ก.ค.66 ที่ จ.เชียงใหม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เเปิดเผยถึงกรณีกลุ่มทุนจีนกว้านซื้อที่ดินสร้างหมู่บ้านจัดสรรในจังหวัดเชียงใหม่เป็นจำนวนมาก เพื่อรองรับการพักอาศัยของกลุ่มคนจีน ซึ่งเดิมได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5 ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เข้าบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ และ พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่เข้าตรวจสอบและดำเนินคดีกับโครงการหมู่บ้านจัดสรร ตั้งอยู่ที่ ต.สันกลาง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นการดำเนินกิจการในลักษณะให้คนไทยเป็นนอมินี ถือหุ้นแทนคนต่างด้าว (สัญชาติจีน) โดยในทางคดีพนักงานสอบสวน สภ.สันกำแพง และ พนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวแล้วนั้น จำนวน 8 ราย คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ต่อมา มีคำสั่งจากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ แจ้งให้ บริษัท จัดการจำหน่ายที่ดิน ตามประมวลกฎหมายที่ดิน จำนวน 149 แปลง เนื้อที่ 44 ไร่ 84 ตารางวา ภายใน 180 วัน นับแต่วันรับทราบคำสั่ง นั้น


​ต่อมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการต่อเนื่องให้ตรวจสอบโครงการหมู่บ้านจัดสรร
ซึ่งมีลักษณะและพฤติการณ์คล้ายกัน โดยฝ่ายสืบสวน บก.ตม.5 และ ภ.จว.เชียงใหม่ ได้ร่วมกันตรวจสอบหมู่บ้านในโครงการ ตั้งอยู่ ต.บ้านแหวน อ.หางดง จว.เชียงใหม่ แบ่งออกเป็นที่ดินจำนวน 43 แปลง  เนื้อที่รวม 22 ไร่ 1 งาน 1.7 ตารางว่า โดยพบว่า โครงการหมู่บ้านดังกล่าวมีบริษัทเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดิน 2 บริษัท ซึ่งมีพฤติการณ์จัดตั้งบริษัทมาเพื่อกระทำนิติกรรมอำพรางในการถือครองที่ดิน โดยมีการจดทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดินทั้งแบบระยะยาวและแบบตลอดชีพให้กับคนจีนเพื่อสามารถอยู่อาศัยในที่ดินดังกล่าวได้เสมือนเป็นเจ้าของที่ดินและบริหารกิจการโดยกลุ่มคนจีนที่พักอาศัยอยู่ด้วยกันเอง ส่วนบริษัทเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน ทั้ง 2 บริษัท มีการใช้ชื่อคนไทยเป็นกรรมการบริษัท แต่ไม่มีอำนาจในการบริหารกิจการและการเงินของบริษัท โดยมีการจดทะเบียนบริษัท เพื่อใช้ในการถือหุ้นแทนคนจีนที่บริหารอยู่ซึ่งฝ่ายสืบสวน บก.ตม.5 และ ภ.จว.เชียงใหม่ ได้รวบรวมพยานหลักฐานและเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.หางดง เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหา จำนวน 13 ราย

​ทั้งนี้ ในการดำเนินการตรวจสอบและสืบสวนสอบสวนอย่างต่อเนื่อง พบว่าทั้ง 2โครงการ มีพฤติการณ์ให้คนไทยเป็นนอมินีในการประกอบกิจการแทนคนต่างด้าว โดยจะมีการตรวจสอบทรัพย์สิน เส้นทางการเงินและจัดการจำหน่ายที่ดินเพื่อให้กลับมาเป็นของคนไทย และ หากพบว่าทรัพย์สินที่ได้มานั้น เป็นการหลีกเลี่ยงภาษี ซึ่งจะมีความผิดฐานฟอกเงิน จะได้ดำเนินการยึดทรัพย์ดังกล่าวต่อไป