สำนักข่าวอิศรา รายงานได้เผยข่าวข่าว ระบุว่า
"...จากข้อมูลที่ปรากฏใน หนังสือสัญญากู้ยืมเงินฉบับนี้ สรุปได้ว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้เงินนายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ น้องชายกู้ยืมจำนวน 15 ล้านบาท เพื่อไปชำระหนี้และ/หรือปลดเปลื้องภาระหนี้ผูกพันอื่นๆของผู้กู้ ที่มีผลต่อสถาบันการเงิน และ/หรือเจ้าหนี้อื่นๆตามกฎหมาย ปัจจุบันนายภาษิณได้รับเงินไปแล้ว กำหนดระยะเวลาการกู้ยืม 5 ปี คิดดอกเบี้ยเงินกู้ต่อกันในอัตราร้อยละ 2 (สอง) ต่อปีในต้นเงินกู้ดังกล่าว นับแต่วันทำสัญญาฉบับนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระสำเร็จ..."
บัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่ยื่นต่อ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีพ้นตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2566 ระบุ สถานะโสด แจ้งมีทรัพย์สิน 85,023,720 บาท หนี้สิน 20,740,176 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 64,283,544 บาท ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนเป็นทางการไปแล้ว เปรียบเทียบข้อมูลทรัพย์สินและหนี้สิน ที่แจ้งไว้กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. วันที่ 25 พ.ค.2562 ระบุว่า มีทรัพย์สิน137,785,190.55 บาท หนี้สิน 22,954,064 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 114,831,126.85 บาท นับว่าทรัพย์สินและหนี้สินของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ลดลงไปจากเดิม หลายส่วน
ย้อนดูบัญชีฯ‘พิธา’137.7 ล.!คอนโดฯน้อง-รถเบนซ์แม่-ที่ดิน‘ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์’
เหลือ 85 ล.! ทรัพย์สิน 'พิธา' พ้น ส.ส. ให้น้องกู้ยืม 15 ล. มีใบจองรถ Tesla
แต่หากโฟกัสไปที่ข้อมูลรายการทรัพย์สิน ในส่วนเงินให้กู้ยืม ที่แจ้งเพิ่มขึ้นมาในบัญชีฯ ช่วงพ้นตำแหน่ง ส.ส. (ช่วงเข้ารับตำแหน่งไม่ได้แจ้งไว้) คือ เงินจำนวน 15,000,000 บาท ระบุชื่อผู้กู้ยืม นายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ "น้องชาย" โดยให้กู้ยืมเมื่อ 15 ธ.ค. 2563 อจะพบว่ามีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบข้อมูลเอกสารประกอบการยืนบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ของ นายพิธา ช่วงพ้นตำแหน่ง ส.ส. เกี่ยวกับข้อมูลเงินให้กู้ยืม 15,000,000 บาท แก่ นายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ น้องชายดังกล่าว
พบว่า เป็นหนังสือสัญญากู้ยืมเงิน ทำที่ ซอยพร้อมมิตร แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ลงวันที่ 15 ธันวาคม 2563
ระบุรายละเอียดวว่า สัญญาฉบับนี้ทำขึ้นระหว่าง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ภูมิลำเนาตั้งอยู่เลขที่ --- สิริแอทสุขุมวิท คอนโดมิเนียม ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร ซึ่งต่อไปในสัญญานี้เรียกว่า “ผู้ให้กู้” ฝ่ายหนึ่ง
กับ นายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ ภูมิลำเนาตั้งอยู่เลขที่ --- ซอยพร้อมมิตร แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานครซึ่งต่อไปนี้ในสัญญานี้เรียกว่า “ผู้ให้กู้” ฝ่ายหนึ่ง ซึ่งต่อไปในสัญญานี้เรียกว่า “ผู้กู้” อีกฝ่ายหนึ่ง
คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายทำสัญญากันดังมีข้อความต่อไปนี้
ข้อ 1.วัตถุประสงค์
ผู้กู้ประสงค์ที่จะขอกู้ยืมเงินจากผู้ให้กู้ เพื่อนำเงินกู้ยืมจากผู้ให้กู้ ไปชำระหนี้และ/หรือปลดเปลื้องภาระหนี้ผูกพันอื่นๆของผู้กู้ ที่มีผลต่อสถาบันการเงิน และ/หรือเจ้าหนี้อื่นๆตามกฎหมาย
ข้อ 2 เงินกู้
ผู้กู้ตกลงกู้เงินและผู้ให้กู้ตกลงให้กู้เงินจำนวน 15,000,000.-บาท (สิบห้าล้านบาทถ้วน) โดยผู้กู้ได้รับเงินจำนวนดังกล่าวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อน และในวันทำสัญญาฉบับนี้
ข้อ 3.ระยะเวลาของสัญญา
การกู้ยืมเงินตามสัญญานี้มีกำหนดเวลา 5 (ห้า) ปี
ข้อ 4.การชำระคืนเงินกู้
ผู้กู้ตกลงชำระคืนเงินกู้จำนวนดังกล่าว ภายในกำหนด 5 (ห้า) ปี โดยนับแต่วันที่ทำสัญญานี้เป็นต้นไป
ข้อ 5.ดอกเบี้ยเงินกู้
คู่สัญญาตกลงให้คิดดอกเบี้ยเงินกู้ต่อกันในอัตราร้อยละ 2 (สอง) ต่อปี ในต้นเงินกู้ดังกล่าวนับแต่วันทำสัญญาฉบับนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระสำเร็จ
ข้อ 6.การชำระดอกเบี้ยเงินกู้
ผู้กู้ตกลงชำระดอกเบี้ยเงินกู้ตามข้อ 5.ให้แก่ผู้กู้ พร้อมกันกับการชำระคืนเงินกู้ตามข้อ 5.
ข้อ 7. ดอกเบี้ยผิดนัด
คู่สัญญาตกลงให้คิดดอกเบี้ยในกรณีที่ผู้กู้ผิดนัดตามสัญญานี้ ในอัตราร้อยละ 5 (ห้า) ต่อปี
ข้อ 8.การหลุดพ้นแห่งภาระหนี้ทั้งปวง
คู่สัญญาตกลงกันว่า นับภายหลังแต่การชำระคืนเงินกู้และดอกเบี้ยเงินกู้ ตามข้อ 4,ข้อ 5 และข้อ 6 เสร็จเรียบร้อยแล้ว คู่สัญญาตกลงให้ผู้กู้หลุดพ้นจากภาระหนี้ทั้งปวงตามสัญญานี้ และสัญญาฉบับนี้เป็นอันสิ้นผลต่อกันตามกฎหมายทันที โดยผู้ให้กู้ย่อมไม่มีสิทธิฟ้องร้องหรือเรียกร้องใดๆ เพื่อบังคับชำระหนี้ตามสัญญานี้กับผู้กู้ทั้งสิ้น
ข้อ 9.กรณีผิดนัด
หากผู้กู้มีพฤติการณ์ในกรณีใดกรณีหนึ่งดังกล่าวต่อไปนี้
9.1 เมื่อผู้กู้ไม่ชำระเงินต้น หรือ ดอกเบี้ยตามจำนวน หรือกำหนดเวลาที่กล่าวไว้ตามสัญญานี้
9.2 เมื่อผู้กู้ไม่ปฏิบัติหรือปฏิบัติผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใดแห่งสัญญานี้
ข้อ 10.ผลของการผิดนัดผิดสัญญา
หากคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดผิดนัดสัญญาฉบับนี้ข้อหนึ่งข้อใด คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งที่มิได้ปฏิบัติผิดสัญญานั้นๆ จะต้องมีหนังสือแจ้งให้คู่สัญญาฝ่ายที่ผิดนัดผิดสัญญานั้นทราบถึง การผิดนัดสัญญานั้นและให้แก้ไขหรือปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญานี้โดยมีกำหนดระยะเวลาให้ปฏิบัติตามสัญญานั้นๆไม่น้อยกว่า 15 วัน นับแต่วันที่คู่สัญญาฝ่ายนั้นได้รับหนังสือแจ้ง หากครบกำหนดระยะเวลาตามหนังสือแจ้งนั้นแล้ว ยังคงเพิกเฉย คู่สัญญาฝ่ายที่ไม่ได้ผิดนัดสัญญานั้นย่อมมีสิทธิฟ้องร้องอีกฝ่ายให้ปฏิบัติตามสัญญานี้ได้
ข้อ 11.การบอกกล่าว
บรรดาหนังสือบอกกล่าว ทวงถาม หรือหนังสืออื่นใดที่จะส่งให้แก่ผู้กู้นั้นไม่ว่าจะส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนหรือไม่ลงทะเบียน หรือให้คนนำไปส่งเองก็ดี ถ้าหากได้ส่งไปยังตำบลสถานที่ที่ระบุไว้ข้างต้นของสัญญานี้แล้วให้ถือว่าเป็นการส่งโดยชอบด้วยกฎหมายและหากส่งให้ไม่ได้เพราะสถานที่ดังกล่าวเปลี่ยนแปลง รื้อถอนไปโดยผู้กู้ไม่มีการแจ้งให้ผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรแล้วการส่งหนังสือต่าง ๆ ที่ได้ส่งไปแล้วให้ถือว่าชอบด้วยกฎหมาย
ข้อ 12. การโมฆะแห่งสัญญา
หากข้อสัญญาใดในสัญญาฉบับนี้ตกเป็นโมฆะหรือไม่สามารถบังคับใช้ได้ไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน ความเป็นโมฆะหรือความไม่สามารถใช้บังคับได้ดังกล่าวจะไม่กระทบต่อข้อสัญญาส่วนที่ เหลือและข้อสัญญาอื่นและให้ถือว่าส่วนที่เหลือของข้อสัญญาอื่นและให้ถือว่าส่วนที่เหลือของข้อสัญญานั้นและข้อสัญญาอื่นในสัญญาฉบับนี้มีผล บังคับใช้ต่อไปตามกฎหมาย
ข้อ 13.การเจรจาไกล่เกลี่ยประนีประนอมข้อพิพาท
คู่สัญญาตกลงกันว่า ไม่ว่ากรณีจะเป็นประการใด หากเกิดข้อพิพาทขึ้นระหว่างกันอันเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินนี้ คู่สัญญาตกลงให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยประนีประนอมข้อพิพาทระหว่างกันก่อนสักวาระหนึ่ง การดำเนินการทางกฎหมายใดๆต่อกันจะมีภายหลังเมื่อการเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทไม่ยุติ
ข้อ 14.การโอนสิทธิในสัญญา
คู่สัญญาตกลงกันที่จะไม่โอนสิทธิตามสัญญานี้ไม่ว่าส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมด ให้แก่บุคคลอื่น เว้นแต่คู่สัญญาอีกฝ่ายยืนยอมเป็นลายลักษณ์อักษร
ข้อ 15.การแก้ไขเปลี่ยนแปลง
การแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญานี้ไม่ว่ากรณีใดๆ จะต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษาและลงนามด้วยกันทั้งสองฝ่ายจึงจะมีผลบังคับใช้ระหว่างกัน
สัญญานี้ถูกทำขึ้นเป็นสองฉบับมีข้อความถูกต้องตรงกัน คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายได้อ่านและเข้าใจดีแล้วจึงได้ลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้าพยานและประทับตรา (ถ้ามี) ไว้ต่อหน้าพยานเป็นสำคัญ และคู่สัญญาได้เก็บสัญญาไว้ฝ่ายและฉบับ
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผุ้ให้กู้
นายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้กู้
***************
จากข้อมูลที่ปรากฏใน หนังสือสัญญากู้ยืมเงินฉบับนี้ สรุปได้ว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้เงินนายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ น้องชายกู้ยืมจำนวน 15 ล้านบาท เพื่อไปชำระหนี้และ/หรือปลดเปลื้องภาระหนี้ผูกพันอื่นๆของผู้กู้ ที่มีผลต่อสถาบันการเงิน และ/หรือเจ้าหนี้อื่นๆตามกฎหมาย ปัจจุบันนายภาษิณได้รับเงินไปแล้ว กำหนดระยะเวลาการกู้ยืม 5 ปี คิดดอกเบี้ยเงินกู้ต่อกันในอัตราร้อยละ 2 (สอง) ต่อปีในต้นเงินกู้ดังกล่าว นับแต่วันทำสัญญาฉบับนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระสำเร็จ
ส่วนคำถามที่ว่า นายพิธา เอาแหล่งเงินจากไหนมาให้น้องชายกู้ยืม? น้องชายนำเงินจำนวน 15 ล้านบาท ไปใช้หนี้ สถาบันการเงินหรือเจ้าหนี้รายใด?
เป็นอีกหนึ่งกรณีที่ คงต้องรอให้ นายพิธา เป็นผู้ชี้แจงต่อสาธารณชนอีกครั้ง
กล่าวสำหรับนายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ ก่อนหน้านี้ ปรากฏชื่อเป็นผู้รับโอนหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น ในวันที่ 25 พ.ค. 2566 ต่อจาก นายพิธาซึ่งอ้างว่าถือหุ้นไอทีวีในนามเป็นผู้จัดการกองมรดก นายภาษิณ ยังเป็นกรรมการถือหุ้นหลายบริษัท
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าวอิศรา