ประวัติ หมออ๋อง-ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 จากพรรคก้าวไกล
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 1 ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันที่ 4 ก.ค.66 มี พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อายุ 89 ปี ซึ่งมีอาวุโสสูงสุด เป็นประธานชั่วคราวเพื่อดำเนินการประชุมเลือกรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เสนอนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ขณะที่นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เสนอนายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ
จากนั้นเวลา 11.07 น.มีการลงคะแนนโดยการรับบัตรลงคะแนนตามลำดับอักษร เมื่อลงคะแนนครบแล้ว นับคะแนน โดยนายเฒ่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล หยิบบัตรประกาศทีละบัตร ชูบัตรพร้อมประกาศว่าเป็นบัตรดีเลือกปดิพัทธ์ หรือบัตรดีเลือกวิทยา หรือบัตรดีงดออกเสียง จนครบทั้ง 498 คน ผลการนับคะแนนปรากฎว่า นายปดิพัทธ์ 312 ได้คะแนน นายวิทยา 105 ได้คะแนน งดออกเสียง 77 บัตรเสีย 2 ทำให้นายปดิพัทธ์ ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาคนที่หนึ่ง
ก่อนหน้านี้นายปดิพัทธ์ แสดงวิสัยทัศน์ว่า ถือเป็นเกียรติและเป็นความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ที่ตนจะมีโอกาสได้สนับสนุนองค์กรที่เป็นกระบวนการนิติบัญญัติและสนับสนุนประธานสภา ความตั้งใจที่ตนอยากนำเสนอกับสภาเพื่อพิจารณาคือ อยากเห็นประชาชนกลับมามั่นใจในสภาอีกครั้งในกระบวนการนิติบัญญัติที่กฎหมายทุกฉบับจะได้รับการพิจารณาอย่างมีประสิทธิภาพเราจะทำให้สภานิติบัญญัติกลับมามีตัวตนและศักดิ์ศรี โดยที่ไม่อยู่ใต้อาณัติของฝ่ายบริหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญที่พวกเราควรต้องยึดถือและสนับสนุนให้เกิดขึ้น
โดยเมื่อตนได้ดูภารกิจสำนักงานเลขาธิการสภา เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของตนเป็นอย่างมาก คือสำนักงานเลขาธิการสภาจะเป็นสมาร์ท พารีเมนต์ คือการเสริมสร้างกระบวนการนิติบัญญัติให้มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล การที่เราจะพัฒนากระบวนการนิติบัญญัติให้มีคุณภาพได้นั้น เราจำเป็นต้องมีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับกระบวนการนิติบัญญัติให้มีมาตรฐานสากลให้ได้ ไม่ใช่แค่ในประเทศ แต่เป็นความร่วมมือระหว่างประเทศด้วย คือกระบวนการตรวจสอบที่ประชาชน สื่อมวลชน เพื่อนสมาชิก สามารถติดตามกระบวนการผ่านร่างกฎหมายได้อย่างโปร่งใส มีประสิทธิภาพ สามารถทำให้ประชาชนสามารถติดตามกฎหมายได้
นอกจากนี้ ยังนึกถึงการที่จะแปลกฎหมายที่ผ่านมติในวาระสามของสภาผู้แทนราษฎรและบังคับใช้แล้วเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ร่วมกับอาเซียนและประชาคมโลกได้ รวมถึงการมีความร่วมมือในเวทีรัฐสภาระหว่างอีกหลายด้าน โดยเฉพาะการเสริมสร้างบทบาทความเท่าเทียมทางเพศของสมาชิกที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือสมาชิกที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี ให้มีบทบาทขับเคลื่อนสภาอย่างเข้มแข็ง
ทั้งนี้อยากเห็นสิ่งที่ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองที่ไม่ใช่แค่การเลือกตัวแทนของเขาเข้ามาทำงานในสภาแห่งนี้ แต่กระบวนการรับฟังความเห็นต้องทำอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ฉะนั้น หากตนได้รับการมอบหมายจากประธานรัฐสภาและประธานสภา ตนจะใช้ 4 ปีที่มีอยู่เป็นกลางให้ได้มากที่สุด และทุกความสามารถในการพัฒนาองค์กรนี้ให้มีสมรรถนะสูง เป็นระบบราชการที่ทันสมัยตอบสนองพี่น้องประชาชนและการทำงานของเพื่อนสมาชิก และเราจะสามารถยกระดับรัฐสภาให้ดีขึ้นได้ สัญญาว่าจะสนับสนุนการทำงานของประธานสภาให้ดีที่สุด และจะบริการสมาชิกทุกท่านอย่างเท่าเทียมกัน
วันนี้สยามรัฐพาไปรู้จัก นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1
นายสัตวแพทย์ ปดิพัทธ์ สันติภาดา (ชื่อเล่น: อ๋อง) เป็นสัตวแพทย์และนักการเมืองชาวไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก และกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลสัดส่วนภาคเหนือ รองประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกในปี พ.ศ.2562 ในสังกัดพรรคอนาคตใหม่ หลังจากที่พรรคอนาคตใหม่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค ในเวลาต่อมาได้ย้ายมาสังกัดพรรคก้าวไกล
ประวัติ
ปดิพัทธ์ สันติภาดา หรือหมออ๋อง เกิดเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2524 อายุ 42 ปี สำเร็จการศึกษามัธยมศึกษาจากโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม ปริญญาตรีจากคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และวิทยาลัยศาสนศาสตร์ทรีนีตี้ ประเทศสิงคโปร์ น.สพ.ปดิพัทธ์ ทำงานเป็นนายสัตวแพทย์ปฏิบัติการเป็นระยะเวลาทั้งสิ้นสองปี และทำงานด้านการพัฒนาเยาวชนและแก้ไขปัญหาสังคมกับสมาคมนักศึกษาคริสเตียนไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 จนถึงปี พ.ศ. 2561
งานการเมือง
ปดิพัทธ์ ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกในปี พ.ศ. 2562 สังกัดพรรคอนาคตใหม่ เขต 1 จังหวัดพิษณุโลก โดยได้หมายเลข 2 เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 โดยได้รับคะแนนเสียง 35,579 คะแนน ชนะนายเศรษฐา กิตติจารุรักษ์ จากพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งได้คะแนน 23,682 คะแนน และชนะนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส. 3 สมัยจากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งได้คะแนน 18,613 คะแนน
ปดิพัทธ์ ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่สองในปี พ.ศ. 2566 สังกัดพรรคก้าวไกล เขต 1 จังหวัดพิษณุโลก โดยได้หมายเลข 9 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 โดยได้รับคะแนนเสียง 40,842 คะแนน มากเป็นอันดับหนึ่ง ทำให้ปดิพัทธ์ได้เป็น ส.ส. สมัยที่สอง
ด้านการเมือง เคยเป็นประธานคณะกรรมาธิการคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน เคยอภิปรายตีแผ่ทุจริตกองทัพ ต้นตอกราดยิงโคราช และเป็นหนึ่งในมืออภิปรายเกี่ยวกับการแก้ไขระบบเลือกตั้งและรัฐธรรมนูญ
นอกจากนี้ยังเคยเป็นสัตวแพทย์ และทำงานด้านพัฒนาเยาวชนและแก้ไขปัญหาสังคม สมาคมนักศึกษาคริสเตียนไทย