เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 ก.ค. 66 ที่อาคารรัฐสภา นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา (ส.ว.) และนายสมชาย แสวงการ ประธานกมธ. สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวภายหลังการรับหนังสือจทกกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน(ศปปส.) และกลุ่มรามคำแหงรักสถาบัน ถึงกรณีการแถลงข่าวร่วมกันระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ที่มีการระบุยืนยันร่วมกันให้ความเห็นชอบกฎหมายสําคัญเพื่อประชาชน ซึ่งรวมถึงการนิรโทษกรรมคดีแสดงออกทางการเมือง และการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปกองทัพ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ร่างพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก และร่างพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามที่พรรคก้าวไกลเสนอ ส.ว.จะให้พรรคก้าวไกลยอมถอยหรือไม่
โดยนายเสรี กล่าวว่า การที่ สว.ให้พรรคก้าวไกลยอมถอยเรื่องการแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 จะรวมถึงเรื่องวาระการนิรโทษกรรมคดีการเมืองด้วยหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า การนิรโทษกรรมไม่ใช่เรื่องของการเสนอแก้กฎหมาย แต่เป็นกระบวนการที่จะช่วยเยาวชนที่ถูกคดีในปัจจุบัน ซึ่งพวกเราก็ไม่ได้มีอะไรขัดข้อง เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นถ้าไม่มีผู้ใหญ่ไปให้ท้าย หรือมีนักการเมืองไปสร้างปัญหา ยุยงให้เด็กกระทำผิดจนเสียอนาคต
เมื่อปัญหาเกิดขึ้นแนวทางที่จะหาทางออกได้คือการนิรโทษกรรม ซึ่งทำให้เด็กเห็นว่า หากมีการนิรโทษกรรม แสดงว่าการที่กลุ่มเด็กๆ ทำไปนั้น ถูกหลอกใช้ตกเป็นเครื่องมือจะได้ไม่กระทำอีก เพราะสังคมไทยพร้อมที่จะให้โอกาสทุกคนอยู่แล้ว และไม่กระทำอีก แต่หากเป็นการเสนอแก้กฎหมายมาตรา 112 ยืนยันว่าไม่เห็นด้วย และไม่โหวตผ่านอย่างแน่นอน
ด้าน นายสมชาย กล่าวว่า ตนเองยังมองว่า การเสนอวาระนิรโทษกรรมไม่ชัดเจนว่าคดีอะไร รวมคดีอื่นๆ เช่น การทุจริตคอรัปชั่นทางการเมือง หรือการเผาทำลายต่างๆ คือการเมืองด้วยหรือไม่ ซึ่งต้องเอารายละเอียดให้ชัดเจน ส่วนเรื่อง ม.112 ตนมองว่ากฎหมายไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย เพราะคนไปแจ้งความ สุดท้ายสำนวนก็เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอัยการ และศาล ที่ทำ และมีกระบวนพิจารณาต่างๆ รวมทั้งศาลก็มีเมตตาให้ประกัน แต่ก็มีคนยุยงให้มีการหมิ่นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตนจึงมองว่า จะต้องเอาผิดคนยุยงด้วย
นายสมชาย กล่าวอีกว่า ตนคิดว่าการปลุกปั่นเพื่อต้องการที่จะดันให้สังคมไปสู่ความรุนแรงมากยิ่งขึ้นต่อสถาบันฯและอาศัยเงื่อนไขที่อ้างว่าจะมีการนิรโทษกรรมให้ ก็จะยิ่งทำให้ปัญหาบานปลายมากขึ้น และสอดรับกับสิ่งที่พวกคุณเสนอแก้ไข ม.112 ให้ฐานความผิดที่ลดลงไปกว่าบุคคลทั่วไป
“เราเสนอไปแล้วว่าให้ลดเพดานลง เพราะมันกระทบต่อความไม่สงบสุขของประเทศ มีคนที่เขาไม่เห็นด้วยกับคุณเยอะมาก มากกว่าคนที่เลือกคุณอีก”
นายสมชาย กล่าวทิ้งท้ายว่า ฉะนั้นขอให้หยุดเลยหรือ เลิกได้หรือไม่ แล้วไปทำเรื่องปากท้อง ซึ่งเราเห็นด้วยที่ได้เสียงจากประชาชนมา และมีความคิดสมัยใหม่ในเรื่องเศรษฐกิจ และเทคโนโลยี แต่ขอเรื่องนี้เรื่องเดียว เพราะประเทศไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย ควรที่จะนำความคิดของคุณมาผสานกับคนรุ่นใหม่ไปพัฒนาประเทศ แต่หากยังวนอยู่แบบนี้ประเทศก็ไปไหนไม่ได้ ซึ่งในส่วนตัวตนยังมองว่าเรื่องนี้ยังไม่ผ่าน และไม่เห็นด้วย ไม่โหวตให้ผ่าน จนกว่าจะมีการแถลงที่ชัดเจน พูดต่อสาธารณะว่าจะลดเพดานลงให้สังคมเดินต่อไปได้