วันที่ 4 ก.ค.2566 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร หลังที่ประชุมสภาฯมีมติเลือกนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นประธานสภาฯ เพราะไร้คนเสนอชื่อแข่ง ต่อมาเวลา10.30น. พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยในฐานะประธานสภาฯชั่วคราว ได้แจ้งให้เข้าสู่ขั้นตอนเลือกรองประธานสภาฯ จำนวน 2 คน โดยต้องเลือกรองประธานสภาฯคนที่1 ให้แล้วเสร็จ ก่อนจึงต่อด้วย รองประธานสภาฯคนที่ 2
โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล จากนั้นนายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เสนอ นายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ
จากนั้นนายปดิพัทธ์ ได้แสดงวิสัยทัศน์ ว่า ขอบคุณและเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่และเป็นความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ที่จะได้สนององค์กรสภาฯ อยากเห็นประชาชนกลับมามั่นใจในสภาฯองค์กรสภาอีกครั้ง กฎหมายจะได้รับการพิจารณาอย่างมีประสิสทธิภาพ และมีตัวตนศักดิ์ศรีไม่อยู่ภายใต้อาณัติของฝ่ายบริหาร เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนุญ เราต้องสนับสนุนให้เกิดขึ้น โดยจะทำให้สำนักงานสภาฯจะป็นสมาร์ทพาเลียเม้น คือการเสริมสร้างให้กระบวนการนิติบัญญัติให้มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล จำเป็นต้องมุ่งมั่น ยกระดับมาตรกฐานสากล และเรียกความเชื่อมั่นศรัทธาจากไม่ใช่แค่ในประเทศแต่รวมถึงความร่วมมือระหว่างประเทศด้วย ในกรตรวจสอบนิติยัญัตติประชาชน สื่อสามาถรติดตามการผ่านร่างกฎหมายต่างๆ ได้ตลอด
นายปดิพัทธ์ กล่าวต่อว่า จะนำเสนอกระบวนการตรวจสอบนิติบัญญัติ โดยสื่อมวลชน และประชาชนสามารถตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส และมีประสิทธิภาพ สามารถทำให้ประชาชนที่มีส่วนได้ส่วนเสีย กับกฎหมายฉบับต่าง ๆ นั้น สามารถที่จะติดตามกฎหมายได้เพราะนี่คืออำนาจที่พวกเขาเป็นเจ้าของประชาธิปไตย กฎหมายที่ผ่านวาระ 3 ของสภาผู้แทนราษฎรที่มีการบังคับใช้แล้วนั้นเป็นภาษาอังกฤษเพื่อสามารถแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเป็นรยกระดับความรู้ในองค์กรของเรา ในอาเซียน และประชาคมโลก ยังเหลือความร่วมมือในบทบาทระดับชาติที่มากขึ้น การส่งเสริมความบทบาทที่เท่าเทียมกันโดยเฉพาะสมาชิกที่มีความหลากหลายทางเพศและคนที่มีอายุต่ำกว่า 35 บทบาทในการขับเคลื่อนสภาอย่างเข้มแข็ง และ บทบาทของสตรี ที่ต้องได้รับการส่งเสริมให้มีความเท่าเทียมในสภาแห่งนี้
“ผมอยากเห็นสิ่งที่ประชาชนมีส่วนร่วมโดยที่ไม่ใช่แค่การเลือกตัวแทนมาทำงานในสภาแห่งนี้แต่แต่การฟังความคิดเห็นของการทำกฎการตรากฎหมายต่างๆต้องมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรา วิจารณ์หลายอย่างว่าการฟังความคิดเห็นเป็นการทำตามแค่สิ่งที่ต้องทำตามระเบียบ แต่ แต่การที่จะสนับสนุนและเสริมสร้างของผมจะทำให้การมีส่วนร่วมของประชาชน ให้ทำหน้าที่สภาผู้แทนราษฎรอย่างเต็มที่”
นายปดิพัทธ์ กล่าวต่อว่า จากประสบการณ์ของตนที่เคยเป็นประธานกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชนและสื่อมวลชน ทำให้ตนเห็นว่าประชาชนมีความตั้งใจอย่างยิ่งในการนำเสนอกฎหมายของตนเข้ามาในสภาแห่งนี้ แต่ด้วยสิทธิตามรัฐธรรมนูญคือการเข้าชื่อเสนอกฎหมายนั้น สามารถทำได้และถูกนำมาพิจารณา อีกประการหนึ่ง คือการบริหารจัดการองค์กรที่มีสมรรถนะสูง การผสานเอาประสบการณ์ของท่านประธานสภาและความทันสมัย ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี มาสนับสนุนกัน จะทำให้องค์กรรัฐสภา สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีขัดสมรรถนะสูง สามารถบริการประชาชนและสมาชิกรัฐสภาได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากตนได้รับการมอบหมาย จะใช้ 4 ปีที่มีอยู่ วางตัวให้เป็นกลางอย่างดีที่สุด และใช้ทุกความสามารถพัฒนาองค์กรนี้ให้มีขีดสมรรถนะสูง เป็นระบบราชการที่ทันสมัย ตอบสนองต่อประชาชน และการทำงานของเพื่อนสมาชิก
นายวิทยา กล่าวว่า ขอบคุณที่เสนอตนเป็นรองประธานสภาคนที่หนึ่ง เพื่อทำหน้าควบคู่กับประธานสภาฯตามภารกิจที่มอบหมาย ซึ่งการทำหน้าที่ประมุขของฝ่ายนิติบัญบัญญัติหลักคือความเป็นกลาง รักษาองค์กรของสภานิติบัญญัติเป็นสภาที่ทรงเกียรติและเป็นสภาที่ศักดิ์สิทธิพอในการที่จะออกกฎกติกา กฎหมายให้กับบ้านเมือง เพราะประเทศเราเป็นนิติรัฐ ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กติกาและกฎหมาย สภาฯเป็นสถานที่ที่จะออกกฎหมายและกติกาทั้งหมด ตนพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามประธานสภา และสามารถทำหน้าที่ได้ให้ความเป็นกลาง ให้ความเสมอภาคให้กับเพื่อนสมาชิกในสภา และที่สำคัญตนมั่นใจว่าจะรักษาเกียรติภูมิและหน้าตาของรัฐสภา ให้เป็นที่เชื่อถือเชื่อมั่นของประชาชน ตนให้ความมั่นใจกับเพื่อนสมาชิกได้ว่าจะวางตัวเป็นกลาง แจะรักษาเกียรติภูมิของสภาให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น แน่นอนบางยุคสมัยประชาชนเบื่อหน่าย ไร้ระเบียบ วินัย เพราะฉะนั้นสิ่งที่เริ่มต้นเราต้องช่วยกัน สาวนนี้ให้สภากลับมาสู่เกียติภูมิอย่างแท้จริง ตนให้ความมั่นใจว่าระยะ 1 2 3 ปีในสมัยประชุมนี้จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง และรักษาสภานี้ให้ดีที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนที่จะลงมติด้วยการลงคะแนนลับ ผ่านการเขียนชื่อผู้ประสงค์จะเลือกให้เป็นรองประธานสภาฯ คนที่หนึ่งในคูหา นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย หารือต่อที่ประชุมในการเขียนชื่อผู้ที่ส.ส.จะเลือก ในลักษณะของบัตรดีบัตรเสีย เช่น การเขียนชื่อ หรือตัวสะกดผิด จะทำให้มีปัญหาหรือการร้องเรียนหรือไม่ อย่างไรก็ดีที่ประชุมใช้เวลาหารือนานกว่า 20 นาที ก่อนจะมีข้อสรุปว่า ให้เขียนเฉพาะชื่อผู้ที่ประสงค์จะเลือกเท่านั้นในคูหาและจากนั้นให้นำมาหย่อนในกล่องที่เตรียมไว้
จากนั้น ได้ให้ส.ส. แสดงตนก่อนลงมติ พบว่ามีผู้มาแสดงตน 493 คน และได้เข้าสู่การลงคะแนนลับ เมื่อเวลา 10.07 น. โดยเลขาธิการสภาฯ จะเรียน ส.ส. ให้รับบัตรลงคะแนนตามลำดับตัวอักษร