เมื่อเวลา 08.40 น. วันที่ 4 ก.ค. 66 ที่อาคารรัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล กล่าวถึงบรรยากาศการประชุมในวันนี้จะไม่มีอะไรที่พลิกโผไปจากการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา ใช่หรือไม่ ว่า คิดว่าน่าจะราบรื่นไปด้วยดี แต่จะมีการประชุมย้ำส.ส.กันอีกครั้ง เพื่อให้การโหวตลงคะแนนราบรื่นโดยจะส่งนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคไปคุยกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ

เมื่อถามว่าได้มีการทำความเข้าใจ กับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล หลังจากที่ไม่ได้ตำแหน่งประธานสภาหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ทำความเข้าใจกันมาตลอด ซึ่งนายปดิพัทธ์ก็อยู่ร่วมกับการตัดสินใจด้วย เป็นไปตามที่นายปดิพัทธ์ได้ให้สัมภาษณ์ว่า "หน้าที่ไม่ใช่หน้าตา" ส่วนกระแสข่าวที่บอกว่านายปดิพัทธ์ จะได้ตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 นั้น นายพิธากล่าวว่า รอเสนอชื่อ

เมื่อถามต่อว่า หากฝ่ายรัฐบาลเดิมเสนอชื่อชิงประธานสภา มีแผนสำรองหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า เท่าที่ดูแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหา หากฟังจากสัมภาษณ์ของทั้ง 2 ฝั่ง คิดว่าจะน่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน 

เมื่อถามถึงกรณีนายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่เลือกแคนดิเดตประธานสภา ที่ถูกเสนอโดยพรรคก้าวไกล นายพิธากล่าวว่า เมื่อวานตนเห็นแค่พาดหัวข่าวนายธนกร ที่ชมว่านายวันนอร์เป็นคนที่มีประสบการณ์และความเหมาะสม ตนเห็นแค่นั้น

ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ออกมาย้ำว่าจะสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ ต่อไปนั้น นายพิธา กล่าวว่า การรักษาเอกภาพ และมิตรภาพของทั้ง 8 พรรคเป็นสิ่งสำคัญ เป้าหมายที่ใหญ่กว่าแสดงให้เห็นถึงความหนักแน่น และความคงเส้นคงวาของพรรคก้าวไกล ที่เห็นว่าหลักการสำคัญกว่าบุคคล ซึ่งเมื่อได้มีโอกาสคุยกับนายวันมูหะมัดนอร์ นายวันมูหะมัดนอร์ก็รับหลักการทุกอย่างให้โปร่งใส มีประสิทธิภาพ ประชาชน รวมถึงกฎหมายสำคัญๆ อีก 4 ข้อ และมีการพูดคุยการดูแลเรื่องกฎหมาย และญัตติที่เป็นสิ่งสำคัญ และมีการตกลงร่วมกัน 

เมื่อถามว่า พรรค พท. ไม่มีการแย้งกฎหมายนิรโทษกรรมใช่หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า หากแถลงร่วมกันก็น่าจะจบตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

เมื่อถามถึงเสียงส.ว. ที่จะสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ นั้น มีจำนวนเท่าไหร่แล้ว นายพิธากล่าวว่า รอดูเวลาใกล้ๆ แต่มากขึ้นเรื่อยๆ 

"คิดว่าการส่งสัญญาณภาวะผู้นำที่ดี รุกได้ถอยเป็นและรู้หลักการในการนำเสนอ พรรคอันดับ 1 ต้องเสนอประธานสภาแต่ในขณะเดียวกัน การรักษาเอกภาพให้ได้เป้าหมายที่ใหญ่กว่า ก็เป็นสิ่งสำคัญ แสดงให้เห็นว่าผู้นำคนนี้ก็เข้าใจเวลารุกก็ต้องรุกให้สุด เวลาถอยถ้าไม่เสียหลักการ ต้องการที่จะเห็นความก้าวหน้าของสภาและเจตจำนงค์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ก็น่าจะแสดงบางอย่างให้ส.ว.เห็น” นายพิธา กล่าว

ส่วนทัศนคติของนายวันชัย ส.ว. จะสื่อถึงสัญญะอะไรหรือไม่นั้น ก็เป็นสัญญะส่วนตัวของนายวันชัยเอง 

เมื่อถามว่ามีการมองข้ามช็อตไปถึงการโหวตนายกฯ แล้วหรือยัง นายพิธากล่าวว่า เวลามองก็ต้องมองไกลๆ เวลาปฏิบัติต้องปฏิบัติวันต่อวัน วิถีการทำงานต้องเป็นอย่างนี้ ส่วนการเคลียร์ใจกับพรรค พท. ได้มีการพูดคุยกันอยู่ตลอดแต่สถานการณ์การทำงาน ต้องมีทั้งที่เห็นด้วยและต้องถกกันมากขึ้น แต่ก็เป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยมาตลอด 4 ปี ถ้าทำงานด้วยความเข้าใจ เชื่อมั่นซึ่งกันและกัน วันนี้น่าจะเป็นนิมิตหมายที่ดี ว่าทั้งพรรคเข้าใจว่า การถอยออกมาและการที่ต้องการจะให้มีฉันทามติร่วมกัน ก็สามารถที่จะบริหารจัดการได้ ภาวะผู้นำของ 8 พรรคก็น่าจะสูงขึ้น 

เมื่อถามต่อว่า การรุกได้ถอยเป็นนั้น รวมไปถึงตำแหน่งรัฐมนตรีด้วยหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า รุกได้ถอยเป็นขึ้นอยู่กับสภานการณ์ บริบทข้อมูล ต้องดูเป็นกรณีๆ ไป คนที่เป็นผู้นำต้องตัดสินใจเป็น 

"บางครั้งถ้าคุณจะก้าวกระโดด คุณก็ต้องถอยนิดนึง ถ้าคุณไม่ถอย ยืนอยู่กับที่ก็กระโดดได้ไม่ไกล แต่ต้องไม่ขัดต่อหลักการ สิ่งที่ได้สัญญากับประชาชน คุณค่าของพรรค และไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง" นายพิธากล่าว

เมื่อถามย้ำว่ายังยืนยันว่าจะแก้ไขม.112 ใช่หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ก่อนเลือกตั้งเป็นอย่างไร หลังเลือกตั้งก็เป็นอย่างนั้น คงมีแต่ยื่นเข้าสภาอยู่ดี 

เมื่อถามว่าการให้วันมูหะมัดนอร์ขึ้นเป็นประธานสภา จะทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ และจะส่งผลต่อเสถียรภาพต่อรัฐบาลหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า เท่าที่ตนดูลมฟ้าอากาศจากหลายๆ สื่อ น่าเอามาเป็นการตอบรับที่ดี ซึ่งตนก็เคยมีโอกาสทำงานกับนายวันมูหะมัดนอร์ ก่อนที่นายวันมูหะมัดนอร์จะลาออก เชื่อมั่นว่าจะเป็นคนที่ทำให้สภาก้าวหน้าได้ตามที่นายปดิพัทธ์เคยเสนอวิสัยทัศน์ไว้ 

เมื่อถามว่า นายวันนอร์จะเป็นเหมือนร่างทรงพรรค พท. หรือไม่ เนื่องจากมีสายวัมพันธ์ที่ดีต่อกัน นายพิธากล่าวว่า ก็ต้องเป็นแค่เสมือน ตนคิดว่านายวันนอร์เป็นผู้ใหญ่และมีความคิดเป็นของตน ได้พิสูจน์ตนเองมาตั้งแต่ปี 2522 เชื่อว่าจะทำให้รัฐสภาก้าวหน้าและไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง