“ทรีนีตี้” แจก 6 ธีมการลงทุนหุ้นไตรมาส 3 มองหุ้นเดือน ก.ค. ผันผวน ครึ่งเดือนแรกให้น้ำหนักปัจจัยการเมืองในประเทศเป็นสำคัญ ดัชนีมีโอกาสทั้งขึ้นและลง ส่วนครึ่งเดือนหลัง หุ้น DELTA และนโยบายดอกเบี้ยเฟดจะเริ่มมีบทบาทมากขึ้น ให้กรอบดัชนี 1450-1550 จุด เชิงกลยุทธ์ แนะถือหุ้นที่ได้ทยอยซื้อบริเวณดัชนี SET ต่ำกว่าระดับ 1490 จุดก่อนหน้านี้ และหาจังหวะขายทำกำไรบริเวณกรอบแนวต้าน ที่ 1520 และ1550 จุด
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนเดือนกรกฎาคม 2566 ว่า สำหรับภาพตลาดหุ้นไทยในเดือนก.ค. มีโอกาสปรับตัวผันผวนสูง โดยในช่วงแรก คาดว่าดัชนีจะแปรผันไปตามพัฒนาการของปัจจัยการเมืองภายในประเทศ ที่จะเริ่มมีการเปิดสภาฯในช่วงต้นเดือนเพื่อเลือกประธานสภาฯ ก่อนที่จะมีการเลือกนายกรัฐมนตรีในช่วงกลางเดือน หากทุกอย่างเป็นไปตาม Timeline ดังกล่าวและไม่มีอุปสรรค ประเมินว่าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวรีบาวด์ในช่วงครึ่งหลังของเดือนกรกฎาคมได้ ในทางกลับกัน หากมีความยืดเยื้อเกิดขึ้น ประเมินว่าดัชนีมีโอกาสที่จะถูกดดันเพิ่มเติมจากระดับ Risk premium ของประเทศที่ปรับสูงขึ้นอีกครั้ง
สำหรับปัจจัยต่างประเทศในช่วงต้นเดือน มองไปยังบรรยากาศผ่อนคลายจากรายงานตัวเลข PCE ของสหรัฐฯที่ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 2 ปี ทำให้ Bond yield ผ่อนคลายการปรับขึ้นช่วงสั้น สอดคล้องกับ Fed Funds futures ที่ผ่อนคลายลง แต่ทั้งนี้หากเข้าใกล้ช่วงสิ้นเดือนที่มีการประชุม FOMC วันที่ 25-26 ก.ค.แล้ว ตลาดให้น้ำหนักมากขึ้นว่า Fed มีโอกาสกลับมาขึ้นดอกเบี้ยจริง อาจเป็นปัจจัยสร้างความผันผวนที่รออยู่
ส่วนประเด็นเฉพาะตัวของตลาดหุ้นไทยที่อาจมองข้ามไม่ได้ก็คือการหลุดออกจาก Trading alert list ของหุ้น DELTA ในวันที่ 11 ก.ค. ซึ่งอาจนำมาสู่ความผันผวนของดัชนีหุ้นไทยที่เพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะดัชนีหุ้นขนาดใหญ่อย่าง SET50 รวมไปถึงตราสารอ้างอิงอย่าง Index futures สำหรับสภาพคล่องภายในประเทศนั้นยังน่าเป็นห่วง โดยล่าสุดการขยายตัวของ M2 ในเดือนพ.ค.อยู่เพียง 1.89% ถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2002 และที่สำคัญระดับ M2 ได้มีการปรับลดลงติดกันมา 2 เดือนแล้ว มองเป็นปัจจัยลบต่อสภาพคล่องในตลาดหุ้นไทยต่อไป โดยเฉพาะหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ซึ่งยังคงแนะนำให้ใช้ความระมัดระวังอย่างสูง
นายณัฐชาต กล่าวอีกว่า มองกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี SET Index ในเดือนก.ค.ที่ระดับ 1450-1550 จุด โดยมองกรอบแนวรับแรกที่ระดับ 1480 จุด และแนวรับสำคัญที่ 1450 จุด ส่วนแนวต้านแรกมองที่ 1520 จุด และแนวต้านสำคัญมองที่ 1550 จุด ในเชิงกลยุทธ์ แนะถือหุ้นที่ได้ทยอยซื้อบริเวณดัชนี SET ต่ำกว่าระดับ 1490 จุดก่อนหน้านี้ และหาจังหวะ Take profit บริเวณกรอบแนวต้าน 2 แนวที่กำหนดไว้
ขณะที่ด้านธีมการลงทุนและกลุ่มหุ้นแนะนำประจำไตรมาส 3/2023 ได้แก่ 1.กลุ่มที่อิงกับภาคการบริโภคภายในประเทศ ได้แก่ BBL, KTB, CPALL, CPAXT, BJC, CRC 2.กลุ่มที่อิงกับภาคการท่องเที่ยว ได้แก่ ERW, SPA, AU 3.กลุ่มโรงพยาบาลที่เตรียมจะผ่านพ้น Seasonal low ในช่วงไตรมาส 2 ได้แก่ BH, BDMS, BCH, CHG, PR9 4.กลุ่มพลังงานที่ราคาหุ้นปรับลงมามาก รับข่าวร้าย Earnings ที่อ่อนแอในไตรมาส 2 ไปแล้ว ได้แก่ BCP, IRPC, PTTGC, TOP 5.กลุ่มส่งออกอาหาร/เกษตรที่จะเห็นการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานใน 2H23 ได้แก่ BTG, CPF, GFPT และ 6.กลุ่มที่ Price in นโยบายทางการเมืองไปมากแล้วจน Valuation อยู่ในโซนที่น่าสนใจ ได้แก่ GULF, BGRIM, GPSC, TRUE