วันที่ 2 ก.ค.66 นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว สามารถ เจนชัยจิตรวนิช ระบุว่า สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศครับ วันนี้ผมสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ก็จะมาสื่อสารกับพ่อแม่พี่น้องประชาชน ผ่านรายการสามารถ 5 นาที ช่องทางเฟสบุ๊คสามารถ เจนชัยจิตรวนิช และช่องทาง TikTok: jopstoploss วันนี้ผมต้องมาสื่อสารกับพ่อแม่พี่น้องประชาชน เรื่องเกี่ยวกับที่ คุณเศรษฐา ทวีสิน ได้ออกมาพาดพิง พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ เรื่องนี้สร้างความเสียหายให้กับพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ครับ ตัวท่านเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และเป็นรองนายกรัฐมนตรี อีกทั้งยังเป็นแครดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ
การที่คุณเศรษฐา ทวีสิน ออกมาพูดพาดพิงผมคิดว่าต้องสิ่อสารกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนครับ คุณเศรษฐา บอกว่าพลเอกประวิตรนั้น ให้ไปนับนิ้วมือหมายความว่าได้คะแยนเพียงหลักแสน ห้าแสนกว่าคะแนนจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี คนอื่นเค้าได้กันหลักล้าน ผมจึงอยากบอกคุณเศรษฐา ทวีสิน ว่าคุณควรไปเรียนรัฐศาสตร์ คุณจะได้รู้ว่าประเทศไทยนั้นเป็นการปกครองแบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และเป็นการปกครองโดยเลือก ส.ส. เป็นผู้แทนของประชาชน แล้วผู้แทนนั้นก็มาเลือกนายกรัฐมนตรีโดยใช้กลไกของรัฐสภา ในอดีตนั้นมี ส.ว. มาร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจ มาร่วมโหวดนายกรัฐมนตรีด้วย แล้วแต่รัฐธรรมนูญแต่ละฉบับที่เขียนไว้ ซึ่งฉับบ2560 นั้นเขียนไว้ว่า ส.ว.นั้นมาร่วมกลั่นกรองแต่ไม่ได้เสนอนายกรัฐมนตรี ให้ ส.ส.เป็นคนเลือกนายกรัฐมนตรีจากบัญชีพรรคการเมืองที่มี ส.ส. เกิน25เสียง
ฉะนั้นการเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เลือกจากนิ้วมือ และ ไม่ได้เลือกจากน้ำลายของคุณเศรษฐา ทวีสิน แต่เลือกจากกลไกของรัฐสภา โดยส.ส.เป็นผู้เสนอชื่อ แล้วให้สภาเห็นชอบครับ
ฉะนั้นจะเห็นมาโดยตลอดครับว่า พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั้นท่านเป็นชายชาติทหารท่านเป็นสุภาพบุรุษ ท่านไม่เคยออกมาให้จัดรัฐบาลแข่ง ท่านไม่เคยไปบอกให้ใครไปเดินล็อบบี้ตั้งรัฐบาล ท่านอยู่อย่างสงบเงียบครับ และท่านก็บอกว่าเป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองที่ได้อันดับ1 และ2ครับไปจัดการ แต่ปรากฎว่าพรรคการเมืองอันดับ1 คือพรรคก้าวไกล และ พรรคอันดับ2 ของคุณเศรษฐา ทะเลาะกันอยู่นั่นแหละครับ ตำแหน่งประธานสภายังไม่ลงตัวเลื่อนมาตั้งแต่28 ประชุม8พรรคก็ล่ม ประชุมวันที่30ก็ล่ม มาวันที่1มีคิวว่าคุณอุ้งอิ้งจะไปขอนแก่นกับคุณพิธาก็ล่ม แล้วบอกว่าวันที่2พรุ่งนี้จะประชุม8พรรค ก็ได้ข่าวมาว่าเลื่อนอีกไปเป็นวันที่3 ก็มีแต่ฝั่งคุณเศรษฐาที่ออกมาพูดแบบนี้ มันเลยทำให้พรรคเพื่อไทยกับก้าวไกลจัดกันไม่ได้ แล้วคนก็ไปมโนว่า พลเอก ประวิตร จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี การจะเป็นนายกรัฐมนตรีต้องเป็นกลไกของรัฐสภา ซึ่งพลเอก ประวิตร ก็มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ต้องให้สภาเป็นผู้เลือกครับ ไม่ใช่คุณเศรษฐาเป็นคนเลือก
ฉะนั้นการที่คุณเศรษฐา มาพยายามจะชี้นำให้คนเข้าใจว่า พลเอก ประวิตร มีเพียงแต่ห้าแสนกว่าคะแนน มันไม่ใช่ครับ ตัวพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั้นเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงหนึ่งเดียวของพรรคพลังประชารัฐ แล้วพรรคพลังประชารัฐก็มีส.ส.เกิน25คน มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเสนอนายกรัฐมนตรี และ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็มีสิทธิ์จะเป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งอาจจะไม่ใช่คนของพรรคพลังประชารัฐเสนอก็ได้ แต่อาจจะเป็นส.ส.ของพรรคคุณเศรษฐา มาเสนอพลเอกประวิตรก็เป็นได้ เพราะพลเอก ประวิตร มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี
ฉะนั้นวันนี้คุณเศรษฐา ต้องเข้าใจเรื่องนี้ก่อนครับ ถ้าท่านยังไม่เข้าใจเรื่องแค่เนี่ย ท่านจะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลยครับ ท่านอย่าแก้ปัญหาแบบคนตาบอดคลำช้าง ท่านไม่รู้เรื่องเลยครับท่านไม่รู้เลยว่ากลไกของการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีต้องใช้สภาเป็นคนเลือก หมายความว่าส.ส.ต้องเลือกส.ว.ต้องเห็นชอบ นั่นคือกลไกของรัฐสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรีหาใช่น้ำลายของคุณเศรษาไม่
แล้วที่สำคัญที่สุดคุณเศรษฐาควรจะรับผิดชอบในเรื่องของประธานสภาให้แล้วเสร็จก่อนว่าสรุปจะยกให้ของพรรคก้าวไกลรึเปล่า หรือว่าพรรคก้าวไกลจะให้คนของพรรคเพื่อไทยรึเปล่า ไปคุยกันตรงนี้ให้จบก่อนครับ
อย่าพึ่งมโนคิดว่าตัวเองจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี แม้ตัวเองจะเป็นแคนดิเดตของพรรคเพื่อนไทยแต่ผมว่าพรรคเพื่อไทยอาจจะไม่เลือกคุณเศรษฐาก็ได้
อันนี้รอดูวันเลือกนายกรัฐมนตรีครับ แต่เหนือสิ่งอื่นใดผมต้องมาชี้แจงเรื่องนายกรัฐมนตรีครับ และเหนือสิ่งอื่นใดผมต้องมาชี้แจง ให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนเข้าใจก่อนครับว่า พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ได้มีการจัดตั้งรัฐบาลแข่งแต่อย่างใดในตอนนี้ และที่สำคัญพลเอก ประวิตร มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีถ้าสภาเห็นชอบครับ ขอบคุณครับ