ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ / ทหารประชาธิปไตย

สื่อทั่วโลกพากันติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน และติดตามต่อเนื่องจนเที่ยงวันเสาร์ นั่นคือข่าวการกบฏรัสเซีย ที่นำโดยเยฟเกนี พริโกซิน หัวหน้าใหญ่กองทหารรับจ้างวากเนอร์

หากพิจารณาแบบหมากรุกชั้นเดียว เรื่องสาเหตุของการกบฏเกิดจากความขัดแย้งของคน 2 คน

คนแรกก็คือตัวนายพริโกซินนี่แหละ ผู้ซึ่งออกมาให้ข่าวโดยตลอด ตั้งแต่รัสเซียเริ่มปฏิบัติการพิเศษทางทหาร ด้วยการส่งกองทัพบุกเข้ายูเครน และในบรรดากองกำลังประจำการนับแสน มีกองทหารรับจ้างวากเนอร์ของพริโกซิน และกองกำลังทหารรับจ้างเชเชน จากเชชเนียรวมอยู่ด้วย

ในการรุกรบช่วงต้นๆของสงคราม ทหารรับจ้างวากเนอร์และเชชเนีย มีบทบาทสำคัญในการบุกเข้ายึดพื้นที่ตามเมืองสำคัญต่างๆ เช่น คาร์คอฟ หรือแม้แต่ชานเมืองเคียฟ และยังมีส่วนสำคัญในการทำลายกองกำลังนีโอนาซี กรมทหารอาซอฟที่แข็งแกร่งของยูเครน

ในช่วงกลางของปีค.ศ.2022 ท่ามกลางการรบพุ่ง นายพริโกซิน ได้ออกมาโวยผ่านสื่อออนไลน์ว่า การจัดการส่งกำลังบำรุงของกองทัพรัสเซีย นั้นอืดอาดล่าช้ามาก จนทำให้การรุกรบต้องหยุดชะงักเป็นช่วงๆทั้งๆที่กำลังได้เปรียบ และไม่ใช่แค่กองกำลังวากเนอร์ แต่กองกำลังเชเชนก็ออกมาโวย ผ่านสื่อในทำนองเดียวกัน แถมก่นด่าว่ากองทัพรัสเซียส่งอาวุธที่ล้าสมัยให้ แม้แต่รถถังก็ยังเอารุ่นเก่าสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ของสหภาพโซเวียตมาให้ใช้ ขนาด M-72 ก็เอารุ่นที่ไม่มีการปรับปรุงพัฒนามาให้ จนในที่สุดกองกำลังเชเชนก็ถอนตัวออกไปจากสงครามในช่วงก่อนปลายปี

ทว่ากองทหารวากเนอร์ก็ยังคงมีบทบาทรุกรบ และคุ้มกันการถอยร่นของกองทัพรัสเซีย เมื่อมีการปรับแผนจะจำกัดเขตการยึดครองเพียงเขตดอนบาส นั่นคือ 4 แคว้นอันได้แก่ โดเนตสก์ ลูฮันสก์ ซาโปริสเซีย และเคอร์ซอน

ที่สำคัญวากเนอร์มีบทบาทที่สำคัญมากในการยึดเมืองมาริโอโป เมืองท่า ชายฝั่งทะเลอาซอฟ และเป็นที่ตั้งสำคัญของหน่วยทหารอาซอฟที่เข้มแข็งของยูเครน ซึ่งทำการต่อต้านอย่างเข้มแข็งและใช้เวลาเป็นหลายเดือนกว่าจะยึดได้

ท้ายสุดวากเนอร์ก็มีบทบาทสำคัญในการยึดเมืองบักมุดในเขตดอนบาส ที่เป็นชุมทางสำคัญในการส่งกำลังรุกไปตีเมือง โดเนตสก์ หรือ ลูฮานสก์ได้สะดวกขึ้น และนั่นกองทหารวากเนอร์ต้องทุ่มเทกำลังต่อสู้อย่างทรหดกว่าจะยึดบักมุดได้ก็ใช้เวลาเกือบปี เพราะฝ่ายยูเครนต่อต้านอย่างเข้มแข็งเหนียวแน่น

ในช่วงนี้เองที่พริโกซิน ได้ออกมาโวยอีกครั้งว่าเขาจะถอนตัวจากการรบที่บักมุด เพราะกองทัพรัสเซียไม่ส่งกระสุนให้เพียงพอ และผู้ที่ต้องรับผิดชอบทั้งหมด คือ นายพลเซอเก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหม ซึ่งพริโกซิน กล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับการคอร์รัปชั่นที่เกี่ยวกับการส่งกำลังบำรุงอีกด้วย

สุดท้ายกองกำลังวากเนอร์ก็กลับมาทำการยึดบักมุดได้สำเร็จ โดยหลังประกาศชัยชนะก็ให้ข่าวว่าจะส่งมอบให้กองทหารประจำการมารับช่วงรักษาเมืองต่อ แต่ก็สำทับไปเหมือนที่เคยให้ข่าวเป็นระยะๆว่ากองทัพรัสเซียไร้ประสิทธิภาพ

ทว่าตลอดเวลาที่ถูกกล่าวหา พลเอกชอยกู ไม่เคยให้สัมภาษณ์ตอบโต้จนเป็นข่าว เท่าที่ติดตามข่าวมาตลอด

            ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้พริโกซิน นำกองทหารวากเนอร์ก่อกบฏ ยึดเมืองรอสตอฟ ชายทะเลอาซอฟ ตรงข้ามกับมาริโอโปล ซึ่งมีประชากรประมาณ 1 ล้านเศษ แต่เป็นศูนย์ส่งกำลังบำรุงของกองทัพ รัสเซีย ในภาคใต้ ที่คอยสนับสนุนกองทัพที่ปฏิบัติการในยูเครน

            นั่นคือการที่กระทรวงกลาโหมรัสเซียโดยชอยกู ประกาศให้กองทหารรับจ้างทั้งหลาย ทำสัญญากับกองทัพเพื่อปรับสภาพเป็นทหารประจำการ ทั้งนี้มีกองกำลังของเชชเนีย นำร่องทำสัญญาไปแล้ว

            แต่ในมุมมองของพริโกซิน การให้ทหารวากเนอร์ไปทำสัญญารายบุคคลเพื่อปรับสภาพเข้าเป็นหน่วยพิเศษประจำการของกองทัพ คือ การสลายตัวและยุติบทบาทของกองกำลังวากเนอร์ รวมทั้งเท่ากับเป็นการดันเอาพริโกซินออกไป

            เรื่องนี้ในมุมมองของชอยกู ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเพราะว่าที่ผ่านมาเขาในฐานะรัฐมนตรีกลาโหมคุมกองทัพ แต่ไม่อาจคุมวากเนอร์ หรือสั่งการอะไรที่เป็นไปด้วยความมั่นใจได้ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการควบคุมงบประมาณ เพราะพรีโกซิน ไม่ยอมให้ตรวจสอบหรือควบคุม

            ทว่าการกระทำของชอยกู ก็คือการทุบหม้อข้าวพรีโกซิน และลดรายได้ของทหารรับจ้างวากเนอร์ให้ลงมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับทหารประจำการ

            ดังนั้นเมื่อวากเนอร์บางส่วนที่พรีโกซิน อ้างว่ามีจำนวน 25,000 นาย เข้ายึดรอสตอฟ โดยไม่เสียเลือดเนื้อ ก็สร้างความหนักใจกับปูติน และสั่นสะเทือนต่อกำลังอำนาจในการบริหารประเทศในฐานะผู้นำ

            หลังจากยึดเมืองรอสตอฟได้ นายพรีโกซิน ก็ออกแถลงการณ์ว่าจะยกกำลังไปประท้วง เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับวากเนอร์

            ทั้งนี้ได้ส่งกองกำลังอาวุธครบมือเดินทางมุ่งไปสู่มอสโคว์ ศูนย์รวมอำนาจของรัสเซีย มีจำนวนประมาณ 5,000 นาย ส่วนนายพรีโกซิน ยังบัญชาการอยู่ที่เมืองรอสตอฟ

            ด้วยเหตุนี้ประธานาธิบดีปูติน จึงประกาศท่าทีแข็งกร้าว แต่ยังให้โอกาสทหารรับจ้างวากเนอร์ กลับใจใหม่ เพราะมองว่าถูกหลอก โดยไม่เอ่ยชื่อว่าใครหลอก

            ต่อเมื่อทหารวากเนอร์เดินทางห่างจากมอสโคว์ ประมาณ 200 กม. และในระหว่างนั้นพรีโกซิน ก็ประกาศโจมตีนายพลชอยกู และประธานเสนาธิการร่วม พลเอกเกราซิมอฟ ว่า เป็นผู้สร้างความเสียหายให้กับรัสเซีย ตลอดจนคนรอบข้างให้ข้อมูลเท็จทำให้ปูตินตัดสินใจบุกยูเครน

            ครั้นปูตินประกาศว่าการกระทำของวากเนอร์ ถือ เป็นกบฏและให้โอกาสเปลี่ยนใจ มาทำสัญญากับกลาโหมเสียโดยดี นายพรีโกซิน ก็น็อตหลุด คราวนี้ประกาศโจมตีปูตินโดยตรง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยแตะ และยังขู่ว่าจะไปเปลี่ยนตัว รมว.กห.และประธานเสธฯร่วมที่เป็นผบ.บัญชาการปฏิบัติการทางทหารพิเศษในยูเครน จนลามไปถึงว่าจะเปลี่ยนประธานาธิบดีด้วย เพราะอ่อนแอ เลือกสนับสนุนคนผิด

            อย่างไรก็ตามท่ามกลางความระทึกใจว่าคงเกิดสงครามภายในรัสเซีย และการสูญเสียจำนวนมาก แถมยังจะเปิดโอกาสให้ยูเครนตีโต้กลับชิงแผ่นดินคืน อันมีผลกระทบอย่างร้ายแรงกับศึกภายนอก ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก ก็กลับกลายเป็นผู้ประสานงานไกล่เกลี่ยระหว่างปูตินและพรีโกซิน จนทำให้นายพรีโกซินยอมเปลี่ยนใจ เคลื่อนพลไปเบรารุส ของท่านลูกาเชนโก

            ด้านนายปูตินก็ให้คำมั่นว่าจะให้ความปลอดภัยต่อทหารวากเนอร์ โดยเปิดช่องให้กลุ่มที่มิได้ร่วมกบฏให้มาทำสัญญากับกองทัพ หรือเลือกจะกลับไปอยู่กับครอบครัว ส่วนพวกที่ยังติดตามนายพรีโกซิน ไปเบรารุสก็มิได้ดำเนินการลงโทษแต่อย่างใด

            เรื่องจึงยุติลงด้วยดี แต่ยังไม่จบลงแค่นั้น เพราะยังมีปัญหาค้างคาใจ และต้องมีการเคลื่อนไหวอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไป แม้ไม่มีการรบก็ตาม

            จึงขอให้ท่านผู้อ่านติดตามตอนต่อไปในการวิเคราะห์อีกระดับของหมากรุกรัสเซียกระดานนี้ ว่ามันจะจบง่ายๆอย่างนั้นหรือ ติดตามศุกร์หน้าครับ