บอร์ดจัดรูปที่ดินฯ ไฟเขียวเพิ่มพื้นที่เขตส่งเสริมฯ การจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดพิจิตร และอนุมัติการนำที่ดินของรัฐ มาใช้ในโครงการจัดรูปที่ดินฯ จังหวัดเพชรบุรี เพื่อการพัฒนา ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างรากฐานของเมืองที่ดีในอนาคต
วันที่ 29 มิถุนายน 2566 พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน การประชุมคณะกรรมการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ ครั้งที่ 65 - 2/2566 โดยมีนายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ว่าที่ร้อยเอก ธีรพงศ์ ครุธดิลกานันท์ รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นางพิชญ์ณัชชา ศรีหิรัญรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ และคณะกรรมการฯ ร่วมการประชุม ณ ห้องประชุมราชสีห์ อาคารศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยมอบหมายให้กรมโยธาธิการและผังเมืองนำการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่มาเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนการพัฒนาตามผังเมืองให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ตามแนวทางราษฎร์-รัฐ ร่วมพัฒนา ประหยัดงบประมาณในการเวนคืนที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ ช่วยแก้ไขปัญหาที่ดินตาบอดและที่ดินที่ขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานให้สามารถเข้าถึงการคมนาคมและระบบสาธารณูปโภค ทำให้สามารถใช้ประโยชน์ที่ดินได้อย่างเต็มศักยภาพ ตอบสนองความต้องการของประชาชน และเป็นการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของเมือง เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า (change for good) ปัจจุบันได้ดำเนินการโครงการจัดรูปที่ดินฯ มาแล้ว 67 โครงการ ใน 53 จังหวัด ซึ่งในการกำหนดบริเวณที่จะส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาด้วยวิธีการจัดรูปที่ดิน ได้มีการจัดทำแผนแม่บทและพื้นที่เป้าหมายการจัดรูปที่ดินฯ ของทุกจังหวัดทั่วประเทศ
นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมโยธาธิการและผังเมืองได้นำนโยบายของกระทรวงมหาดไทยที่ส่งเสริมให้นำการจัดรูปที่ดินฯ มาใช้เป็นเครื่องมือแก้ปัญหาที่ดินและขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองให้เป็นรูปธรรม จึงได้มอบหมายให้สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดทุกจังหวัดเร่งดำเนินการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ โดยเปิดโอกาสให้คนในชุมชนเข้ามาเป็นหุ้นส่วนในการพัฒนาที่ดินร่วมกับภาครัฐ ทำการพัฒนาที่ดินในเมือง ตามความต้องการของประชาชนและชุมชน ในการแก้ไขปัญหาที่ดินขาดแคลนสาธารณูปโภคพื้นฐาน ซึ่งนอกจากช่วยแก้ไขความเดือดร้อนให้ผู้เข้าร่วมโครงการแล้ว ยังเป็นการพัฒนาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนในเมืองไปในคราวเดียว เป็นโครงการที่มีส่วนส่งเสริมให้เมืองและชุมชนพัฒนาได้อย่างยั่งยืน กระจายบริการพื้นฐาน ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ กระตุ้นให้เศรษฐกิจเติบโต นอกจากนี้การได้ร่วมรับประโยชน์จากการร่วมมือดำเนินโครงการ ส่งผลให้ทั้งประชาชนได้ประโยชน์ ชุมชนได้ประโยชน์ ภาครัฐได้ประโยชน์
สำหรับการประชุมในวันนี้ คณะกรรมการจัดรูปที่ดินฯ ได้มีการพิจารณา การขอเพิ่มเติมพื้นที่เขตส่งเสริมการพัฒนาด้วยการจัดรูปที่ดินฯ และพื้นที่เป้าหมายการจัดรูปที่ดินฯ ในแผนแม่บทการจัดรูปที่ดินฯ จังหวัดพิจิตร ซึ่งแต่เดิมแผนแม่บทฯ จังหวัดพิจิตร ปี พ.ศ. 2555 ได้กำหนดพื้นที่เขตส่งเสริมไว้ 3 แห่ง และพื้นที่เป้าหมาย 4 บริเวณ ผลการประชุม คณะกรรมการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ ได้มีมติเห็นชอบให้เพิ่มเติมพื้นที่เขตส่งเสริมการพัฒนาฯ 1 แห่ง ตามขอบเขตผังเมืองรวมชุมชนโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร พ.ศ. 2558 และเห็นชอบให้เพิ่มเติมพื้นที่เป้าหมายการจัดรูปที่ดิน 2 บริเวณ ในผังเมืองรวมฯ ดังกล่าว ได้แก่ บริเวณชุมชนโพธิ์ประทับช้าง และบริเวณชุมชนไผ่ท่าโพธิ์ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเมืองด้วยวิธีการจัดรูปที่ดิน และได้มีมติเห็นชอบการนำที่ดินของรัฐมาใช้ในการจัดรูปที่ดินในโครงการเพื่อพัฒนาพื้นที่ส่วนจังหวัดเพชรบุรี ในเขตผังเมืองรวมเมืองชะอำ เพื่อให้โครงการฯ ได้นำที่ดินของรัฐมาใช้ปรับรูปแปลงให้เหมาะสมกับ การใช้ประโยชน์ในโครงการ โดยปรับเป็นทางสาธารณะตามผังเมืองรวม ผิวทางคอนกรีต พร้อมระบบไฟฟ้า ประปา และระบบระบายน้ำ เพื่อให้เกิดโครงสร้างพื้นฐาน บริการสาธารณะที่ครอบคลุม สร้างความพร้อม ให้พื้นที่โครงการ สามารถรองรับการพัฒนาเมืองและการท่องเที่ยวต่อไป
หลังจากนี้ กรมโยธาธิการและผังเมือง และจังหวัดพิจิตร จะได้ดำเนินการตามมติของคณะกรรมการจัดรูปที่ดินฯ โดยดำเนินการออกประกาศจังหวัดพิจิตร เรื่อง แผนแม่บทและพื้นที่เป้าหมายการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ของจังหวัดพิจิตร และในโครงการจัดรูปที่ดินฯ จังหวัดเพชรบุรี พื้นที่ผังเมืองรวมเมืองชะอำ จะได้เร่งประกาศผังที่ดินแปลงใหม่ และออกโฉนดที่ดินแปลงใหม่เพื่อให้ประชาชนได้นำไปใช้ประโยชน์ รวมทั้งเร่งดำเนินการก่อสร้างถนนสายรอง เพื่อให้เกิดการพัฒนาเมืองอย่างเป็นรูปธรรม กระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระดับชุมชน และระดับจังหวัด เกิดการพัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีกว่าตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทยต่อไป