เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 29 มิ.ย. 2566 ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมเป็นประธานในพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณบุคคลและองค์กรที่มีผลงานยอดเยี่ยมและดีเด่นในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ประจำปี 2566 โดยมีนายกลินท์สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิ พล.ต.อ.เภา สารสินพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ร่วมงานด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ภารกิจในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดไม่มีวันสิ้นสุดและต้องยอมรับว่าจะหนักขึ้นเรื่อยๆ เพราะโลกมีความกว้างไกลมากขึ้นการสัญจรไปมามีการเชื่อมต่อกันผู้คนเดินทางมากขึ้น ในการทำงานและแก้ปัญหาต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้ครบวงจรในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ทั้งการป้องปราม ป้องกัน การลงโทษรวมถึงการบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงการบำบัดรักษาซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่จะลดระดับความรุนแรง ของผู้ติดยาเสพติดและมีพฤติกรรมความรุนแรง 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในนามของรัฐบาลได้มีเจตนารมณ์ในการป้องกันและปรับปรามแก้ไขปัญหายาเสพติดมาโดยตลอดอย่างเข้มงวดต่อเนื่อง ตนในฐานะนายกฯ และดูแลความมั่นคงเห็นว่าเรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งซึ่ง ไม่เฉพาะประเทศไทยเพียงประเทศเดียว ต้องรวมถึงประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดต่อกันทั้งหมด ขณะนี้ยอมรับว่ามีปัญหามากพอสมควรในกิจการภายในของแต่ละประเทศ เพราะฉะนั้นการดูแลให้รอบคอบละเอียดถี่ถ้วนทุกพื้นที่ทั้งในและต่างประเทศจะต้องมีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างที่ทุกฝ่ายต้องการ ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจะต้องบูรณาการเชิงรุกร่วมกันด้วยความเข้มแข็ง เราต้องมีทั้งรับและรุก ก็ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง ในการป้องกันปราบปรามผู้ค้าและขยายผล ไปสู่การทำลายเครือข่ายยาเสพติดอย่างเป็นรูปธรรมทั้งจากฝ่ายความมั่นคงและกองกำลังต่างๆตามแนวชายแดน ได้กำชับให้ทุกคนทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งสุจริตเที่ยงธรรม อะไรที่เป็นปัญหาก็ต้องรีบนำมาแก้ไขโดยเฉพาะปัญหาที่เกิดจากบุคลากรของเราที่สร้างปัญหาไว้มากพอสมควร ต้องเร่งแก้ปัญหาตรงนี้ให้ได้มากที่สุด รวมทั้งการดูแลประชาชนและเจ้าหน้าที่ให้สามารถที่จะทำงานร่วมกันได้

นายกฯ กล่าวว่า ผลจากการทุ่มเทและความพยายามของทุกภาคส่วนทำให้เกิดผลงานต่างๆขึ้น  ซึ่งรางวัลในครั้งนี้ทุกคนจะต้องภาคภูมิใจ และเป็นกำลังใจขอให้ทุกคนรักษาความดีตรงนี้ไว้เพราะถือว่าทุกคนเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของรัฐบาลนี้ที่ช่วยกันขับเคลื่อนนโยบายอย่างเป็นรูปธรรม ที่ผ่านมาเราได้มีการพัฒนากฎหมาย พ.ร.บ. ฉบับต่างๆจะต้องเกิดการบูรณาการกันอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งป.ป.ส. ต้องเป็นหน่วยงานที่ต้องบูรณาการร่วมกับทุกหน่วยงานให้มีมาตรฐานที่สูงขึ้นให้มีความร่วมมือในทุกมิติ รวมถึงภาคประชาสังคมประชาชนเพื่อที่จะได้เกิดความมั่นคงและปลอดภัยเป็นสังคมที่ปลอดจากยาเสพติด 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การทำอะไรเพื่อคนอื่นถือเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับคนไทยในเวลานี้ซึ่งเราต้องการความสงบสุขเรียบร้อยทุกอย่างในทุกมิติ ซึ่งเราถูกจับตามองทั้งในและต่างประเทศในการแก้ปัญหาของเราจึงขอให้ทุกคนช่วยกันทำให้ดีที่สุด วันนี้ถ้ามีปัญหาอะไรก็ต้องช่วยกันดูแลซึ่งกันและกัน

“ สิ่งสำคัญที่สุดในวันนี้คือเรื่องการบำบัดรักษาในการคัดแยกผู้ที่ติดยาเสพติดซึ่งมีระดับความรุนแรงแตกต่างกัน ผมได้ย้ำไปทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วซึ่งได้มีการเข้าไปสำรวจและร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่นในการดูแลขัดแยกคนออกมาเนื่องจากระดับความรุนแรงนั้นแตกต่างกัน ส่วนหนึ่งชุมชนสามารถดูแลกันเองได้ส่วนที่รุนแรงก็ต้องนำเข้าสถานบำบัดรักษา จากภาครัฐซึ่งขณะนี้ยังมีไม่เพียงพอ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญว่าทำอย่างไรเราถึงจะมีสถานบำบัดที่มากเพียงพอมีหลายระดับในการรักษาผู้ที่เสพยาเสพติด เหมือนต่างประเทศที่มีสถานที่บำบัดรักษาหลายระดับผู้ที่ติดยาเสพติดสามารถเข้าถึงการรักษาได้เพราะการที่จะให้ทุกโรงพยาบาลของเรารับเพื่อนำไปรักษานั้นก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ ยืนยันว่าประเทศไทยไม่ได้ทิ้งปัญหายาเสพติดไว้เบื้องหลังรัฐบาลถือเป็นสิ่งสำคัญที่เป็นผลกระทบต่อสังคมและประชาชน และถือเป็นสิ่งที่ต้องกำจัดออกไปให้ได้โดยวิธีการตามกฏหมายและกระบวนการที่มีอยู่ สิ่งสำคัญที่สุดคือทำอย่างไรที่จะห้ามผู้ผลิตผู้ค้าซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ในประเทศเรา ยอมรับว่าเป็นปัญหาที่มีหลายอย่างเกี่ยวข้องกันจึงต้องร่วมมือกันในการแก้ไข”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในฐานะนายกฯ ต้องบริหารงานอย่างบูรณาการทั้งหมด ประเทศไทยมีสามอำนาจหลักคือ ฝ่ายบริหาร ตุลาการ และนิติบัญญัติซึ่งแต่ละส่วนก็เกี่ยวข้องกันในเรื่องของกระบวนการซึ่งต้องบริหารงานกันให้ดีก็แล้วกันจะได้ทำต่อไปกันได้ ทั้งหมดเป็นเรื่องของกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ซึ่งวันนี้ยอมรับว่ามีปัญหาอยู่พอสมควรด้วยกระแสโซเชียลและสิ่งต่างๆเราก็ต้องระมัดระวังให้มากที่สุด เพราะฉะนั้นกรณีที่มีการพูดหรือวิพากษ์วิจารณ์กันในโซเชียลและไม่ใช่ข้อเท็จจริงก็ขอความกรุณาให้ความสำคัญกันด้วยเนื่องจากข้อมูลเหล่านี้เข้าไปถึงคนทั่วไปจนทำให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติก็ขอให้ช่วยกันชี้แจงข้อเท็จจริงว่ารัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องเข้มงวดและมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างไร จะต้องเร่งสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนก็จะทำให้ทุกปัญหาแก้ไขไปได้ทั้งหมดอยู่ที่ความร่วมมือของทุกภาคส่วนจะให้เป็นความรับผิดชอบของใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวขอบคุณนายกลินท์ ในฐานะประธานมูนิธิฯและพลตล.ต.อ.เภา สารสิน อดีต อ.ตร.ในฐานะผู้ริเริ่มและก่อตั้งมูลนิธิฯ ดังกล่าว ว่า แม้วันนี้จะไม่อยู่แล้วแต่ก็ต้องขอขอบคุณ ที่ได้ริเริ่มสิ่งที่ดีๆ ไว้ให้กับสังคม 

ก่อนหันไปกล่าวกับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.ว่า “ว่าอย่างไร ยังทำได้ดีอยู่หรือเปล่า ทำได้ดีขึ้นไหม ซึ่งพล.ต.อ.สุรเชษฐได้ลุกขึ้นรายงานโดยกล่าวตอบกลับว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายพยายามทำหน้าที่กันอยู่อย่างเต็มความสามารถครับ “

พล.อ.ประยุทธ์ จึงกล่าวว่า “ เป็นจำเลยหนึ่งอยู่แล้ว จำเลยที่หนึ่งคือนายกรัฐมนตรี จำเลยที่สองคือตำรวจ จำเลยสามคือศาลอัยการ ก็ทั้งหมดนั่นแหละกลายเป็นจำเลยทั้งหมด เราก็ต้องทำความเข้าใจว่าเราทำงานมากน้อยเพียงใด และปัญหามันเกิดจากอะไร ทำไมมันเพิ่มขึ้นหรือลดลง วันนี้สถานการณ์ในภูมิภาคมันก็มีปัญหาอีก ก็เป็นสิ่งที่ผมเองก็ไม่สามารถที่จะกล่าวตรงนี้ได้ เพราะประเทศเพื่อนบ้านเขาก็มีปัญหาทั้งหมด เป็นปัญหาภายใน ของเราก็ต้องยิ่งหนักขึ้น ต้องเตรียมความพร้อมให้ดีก็แล้วกัน ทั้งนี้ก็ขอขอบคุณทุกคนและขอให้ระวังในเรื่องของสุขภาพ อ้วนมากไปก็ไม่ดี ผอมมากก็ไม่ค่อยได้ขอให้จิตใจเข้มแข็งและแข็งแรง ขอให้ทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นสิ่งที่เคารพยิ่งของพวกเรา" 

จากนั้นเวลา 13.32 น. นายกฯ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานว่า วันนี้เป็นการมอบวุฒิบัตรและเงินกองทุนให้กับผู้ปฏิบัติหน้าที่ที่เขาคัดสรรมาแล้วว่าเห็นควรต่อการยกย่อง ชมเชย และคงไม่ใช่แค่นี้หลายคนก็ทำกันอยู่แล้ว เพราะเรามีสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) ทั้ง 9 ภาค และส่วนกลางด้วย ก็แสดงความยินดีกับเขา ให้กำลังใจเขาในการที่จะทำงาน

​​​​​​​

นายกฯ กล่าวว่า ตนเคยบอกไปแล้ว ว่าการแก้ไขปัญหายาเสพติดไม่ใช่เป็นปัญหาที่เราคิดทีเดียวแล้วได้คำตอบหมด เพราะมีทั้งการป้องปราม ป้องกัน การปราบปราม การบำบัดรักษา ซึ่งวันนี้ก็ขอให้ทุกคนติดตามการบำบัดรักษาซึ่งเป็นนโยบายของตนและรัฐบาลในการที่จะเพิ่มการบำบัดรักษา เพราะไม่ต้องการให้ผู้ที่ติดยาเสพติดไปทำความเดือดร้อนให้กับสังคม สร้างความรุนแรงอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน วันนี้ก็ต้องมีการไปคัดแยกตรวจสอบคนที่ติดยาเสพติดในพื้นที่ ที่จะเกิดผลกระทบกับสังคม ซึ่งชุมชนต้องช่วยกันดูแลตรงนี้ รวมถึงเจ้าหน้าที่รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สำนักงานป.ป.ส.มีหน้าที่ไปสำรวจก็จะมีเจ้าหน้าที่ไปดูแลนำเข้าสู่การบำบัดรักษา ทั้งนี้ ชุมชนและภาคประชาสังคมก็ต้องช่วยกันให้มากที่สุดว่าเป็นยังไง เพราะรู้ว่าแต่ละพื้นที่เป็นอย่างไร ก็ให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าไปดูแล ซึ่งทุกอย่างที่ประชาชนแจ้งจะเก็บเป็นความลับ ถ้าเราช่วยกันทุกอย่างก็แก้ได้หมด ถ้าทุกคนทราบเห็นแต่ไม่พูดก็ลำบาก เพราะเจ้าหน้าที่ก็มีอยู่อย่างจำกัด ทุกอย่างจะแก้ได้เมื่อประชาชนร่วมมือกับภาครัฐ

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายกฯ เป็นประธานในพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณบุคคลและองค์กรที่มีผลงานยอดเยี่ยมและดีเด่นในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ประจำปี 2566 

โดยระหว่างที่นายกฯ เดินมาพร้อมกับนายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาลรองผบ.ตร. นายประโมท พุทธสุภะ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการจังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นผู้ได้รับรางวัล นายกฯ ได้ตบบ่าและกล่าวว่า “ขอบคุณนะ ช่วยกันทำงานนะ”