วันที่ 26 มิ.ย. 66 ที่อาคารอนาคตใหม่ ที่ทำการพรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึง กรณีมีกระแสข่าวจะซื้อส.ส.งูเห่า 60 คน คนละ 100 ล้าน ว่า ถ้าพูดถึงเรื่องของการซื้องูเห่าต้องยอมรับว่าสำหรับตน เป็นเรื่องของประวัติศาสตร์บาดแผลเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น คนที่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชน สิ่งที่เราไม่อยากเห็นที่สุดคือการทรยศต่อประชาชน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับพรรคไหน มันก็คือกระบวนการที่อาจจะทำให้ความเชื่อมั่น และความศรัทธาของประชาชน ต่อระบอบรัฐสภาอาจจะลดลงได้ และสร้างความเสียหายระยะยาวต่อการเมืองไทย เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิด 

“ต้องเรียนตามตรงว่า งูเห่า ถ้ามี โอกาสที่จะยืนระยะยาวต่อไปในทางการเมือง ผมว่าก็ไม่ง่าย ถ้าเราดูหลายๆ คนที่เป็นงูเห่า ไม่ได้รับโอกาสจากประชาชนอีกแล้ว ดังนั้น ผมคิดว่าอย่าให้มีบรรยากาศเช่นนั้นเลย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกประธานสภาฯ เลือกนายกรัฐมนตรี ควรจะเป็นหน้าที่ ที่สอดรับกับความมุ่งหมายของประชาชนที่อยากเห็นต่อรัฐบาลไม่ควรนำเรื่องเงินที่จะสัญญาให้กันมาเป็นเงื่อนไขในการยกมือ ซึ่งถ้าทำเช่นนั้นคือการทำลายการเมือง ประเทศชาติและประชาธิปไตย” นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามว่า มีความเห็นอย่างไรที่เรื่องของงูเห่ามาจากส.ว. นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนตอบไม่ได้ ตนไม่ทราบว่าเรื่องของงูเห่าจริงเท็จแค่ไหน สิ่งที่ตนตอบได้คือเรื่องของหลักการ ว่าเรื่องแบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น ควรเป็นการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ของคนที่ใช้อำนาจนิติบัญญัติ ไม่ว่าจะเป็นส.ส. หรือส.ว. สิ่งที่เราต้องช่วยกันทำให้เกิดขึ้นให้ได้ คือการเลือกประธานสภาฯ หรือนายกรัฐมนตรี สอดคล้องกับผลของการเลือกตั้ง และตนเชื่อว่าวิธีเช่นนี้ เป็นวิธีการเดียวที่ทำให้ประเทศของเราออกจากบ่วงของความขัดแย้ง และเดินหน้าต่อไปได้ หากรัฐบาลทำหน้าที่ไม่ดี เป็นเรื่องของประชาชนที่จะต้องตัดสิน ว่าสุดท้ายรัฐบาลชุดนั้นทำหน้าที่อย่างมีคุณภาพหรือไม่ หากนำกระบวนการตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว ที่กำลังจะหมดอายุไขในปีหน้ามาขัดขวาง คำถามคือว่าเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า ประเทศไทยจะเดินหน้าไปอย่างที่เป็นได้ สุดท้ายอาจจะเป็นหล่มการเมืองแบบเดิมหรือไม่ สิ่งที่ตนต้องการเห็นคือทำให้มันถูกต้องเท่านั้น คืนความปกติให้การเมือง อย่าใช้ขบวนการวิชามารทั้งหลายอีกเลย 

เมื่อถามว่า มีความเห็นว่าหลายฝ่ายมองว่าการจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จสักที และใช้เวลานาน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนคิดว่ามันมีระดับของมันอยู่ กรณีที่เราฟอร์ม 8 พรรคร่วมรัฐบาล ถือว่ารวดเร็ว ถือว่าเป็นกระบวนการที่สมูทด้วยซ้ำไปถึงแม้ว่าจะมีแต่ 8 พรรคการเมืองคุยกัน เราตกลงเป็นเอ็มโอยูได้ หากไม่มีมาตรา 272 กระบวนการนี้คงจะดำเนินการไปจนเกือบเสร็จแล้ว ในส่วนที่ช้าอาจจะเป็นปัจจัยอื่น เช่น การรับรองส.ส. ซึ่งใช้เวลาในการรับรองมาก ตนไม่เข้าใจว่ารับรองทันทีหลังเลือกตั้งกับใช้เวลา 1 เดือนในการรับรอง ผลออกมาแตกต่างกันอย่างไร เพราะทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ได้สอยใครหรือแจกใบอะไรสักอย่าง ตนไม่แน่ใจว่าความล่าช้าเช่นนี้ที่ส่วนหนึ่ง กกต. เป็นปัจจัยประเทศได้ประโยชน์จากอะไร หากเรามองอย่างเป็นธรรม กระบวนการจัดตั้งรัฐบาลของก้าวไกลไม่ได้ช้า แต่ที่เกิดคำถาม เพราะเรากังวลว่า ประเทศของเราจะมีการเมืองที่ไม่ปกติ หากเราเชื่อมั่นว่าการเมืองเราปกติ จะไม่เกิดคำถามพวกนี้ขึ้น เรารู้แก่ใจใช่หรือไม่ว่าการเมืองของเรามีปัญหาอยู่ แต่ตนยืนยันว่าพรรคก้าวไกลเรามีจุดยืนที่จะคืนความปกติให้สังคม ดังนั้น เราจึงพยายามเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ 

เมื่อถามว่า หากมีการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยจริงทางพรรคก้าวไกลจะทำอย่างไร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนมองว่าโอกาสที่จะเกิดขึ้นค่อนข้างยาก เพราะ 1. เท่าที่ติดตาม ดีเบตมาบางพรรคการเมืองก็พูดตรงกัน ว่าโอกาสที่จะมีรัฐบาลเสียงข้างน้อยคงเป็นไปไม่ได้ 2. รัฐบาลเสียงข้างน้อยบริหารยาก ถึงที่สุดก็ต้องผ่านกฎหมายผ่านสภา ทั้งเรื่องงบประมาณ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ดังนั้น ตนยังมั่นใจว่าวิถีทางที่เราเสนอต่อสังคมในการจับมือ 8 พรรค รวมเสียงกันได้ 312 เสียง เป็นทางออกเดียว และทางออกที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทยในตอนนี้