วันที่ 26 มิ.ย. 66 ที่ทำการพรรคประชาชาติ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวถึงกรณีการแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ จากทำแบบสอบถามประชามติแบ่งแยกดินแดน ในวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่า การดำเนินคดีกับกลุ่มนักศึกษา อยากให้มองเป็นปรากฎการณ์ ประเทศไทยเป็นระบบกล่าวหา อะไรเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ก็ไปกล่าวโทษได้ แต่ตำรวจ อัยการ ศาลเป็นกระบวนการยุติธรรม ที่ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร ตนเองจึงคิดว่าไม่น่าห่วงอะไร อย่างเมื่อปี 62 ก็มีการกล่าวหาจาก กอ.รมน. กองปราบฯ ก็ส่งเรื่องไปยังป.ป.ช. และขณะนี้ เรื่องยังคาอยู่ จึงเป็นตัวอย่างของการแจ้งดำเนินคดีจาก กอ.รมน.
พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า เรื่องที่เป็นห่วงก็คือ มีขบวนการสันติภาพ และรัฐธรรมนูญเรื่องการแสดงความคิดเห็นนั้น ถือเป็นสิทธิเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญคุ้มครอง สิทธิเสรีภาพนี้ จะไปจำกัดไม่ให้แสดงออกไม่ได้ จะต้องมีกฎหมายเฉพาะห้ามไว้ ซึ่งตนเชื่อว่า ทางตำรวจจะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากมีการกล่าวหาเกินความจริง และแจ้งความกลับไป
“เราเชื่อมั่นว่ากิจกรรมที่เชิญไปทางวิชาการ จากสถาบันการศึกษา และวันนี้ถ้าการแสดงความเห็นในสถาบันการศึกษาไม่สามารถทำได้ ก็ไม่ควรทำให้สถาบันการศึกษาเป็นเรือนจำทางความคิด ควรมีเสรีภาพ เพียงว่าประเด็นดังกล่าว ต้องมาดูเรื่องความเหมาะสมของตัวบุคคลมากกว่า”
เมื่อถามถึงเรื่องที่คุยกันในกระบวนการสันติภาพ ก็เป็นเรื่องเดียวกันกับที่กลุ่มนักศึกษาพูดคุยกันอยู่แล้ว ส่วนนี้จะเป็นเงื่อนไขในการดำเนินคดีด้วยหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เรื่องการพูดคุยตนเองไม่ได้เข้าไป แต่ในรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รักษาการนายกรัฐมนตรี ที่ยึดอำนาจมา 4 ปี และเลือกตั้งมาอีก 4 ปี ภาคประชาสังคมโดยเฉพาะมหาวิทยาลัย 24 แห่ง ทำความเห็นในเรื่องการแบ่งแยกดินแดน ที่อาจแรงกว่าที่นักศึกษาพูด อย่างแบบสำรวจความสงบสุขกับประชาชนเป็นพันคน แสดงความเป็นเสรีภาพทางวิชาการ แต่ตอนนี้มีคนแค่ 70 คน ซึ่งมีจำนวนน้อยกว่ามาก จึงทำให้ภาคการเมือง มองว่ากระบวนการนี้ ทำให้ขบวนการสันติภาพที่ขัดแย้งถูกครอบงำหรือไม่ และการตั้งข้อหาที่รุนแรงเกินความจริง เชื่อว่าทุกพรรคมีความรักชาติบ้านเมือง มาตั้งข้อหาแบบนี้ทำให้ถูกตราหน้าหรือไม่ ทำให้สังคมเกิดความแตกแยกหรือไม่ ยังคงเชื่อมั่นในตำรวจ ศาล อัยการ จะต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริง