เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.66 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์  EMS ถึง ป.ป.ช. เพื่อขอให้ทำการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าหน้าที่ของรัฐ (กรณี ผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง มาตรา 102 (7)) ว่ามีการนำรายได้ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. ไปชำระภาษีให้แก่กรมสรรพากรโดยถูกต้อง หรือไม่ ตามตำแหน่งของเจ้าหน้าที่รัฐ ดังต่อไปนี้

ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กรณีพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2566 ซึ่งมีการแสดงรายได้ของคู่สมรส รวมเป็นเงิน 1,164,000 บาท แต่แสดงเงินได้พึงประเมินในรอบปีที่ผ่านมา 84,307.82 บาท  ผลต่างที่เกิดขึ้น จึงมีเหตุที่ควรตรวจสอบว่า มีการนำรายได้ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. ไปชำระภาษีให้แก่กรมสรรพากรโดยถูกต้อง หรือไม่

อธิบดีกรมทางหลวงชนบท กรณีดำรงตำแหน่งครบสามปีเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2566 ซึ่งมีการแสดงรายได้ของตนเอง รวมเป็นเงิน 3,193,164 บาท แต่แสดงเงินได้พึงประเมินในรอบปีที่ผ่านมา 133,864.30 บาท และมีการแสดงรายได้ของคู่สมรส รวมเป็นเงิน 10,612,163.60 บาท แต่แสดงเงินได้พึงประเมินในรอบปีที่ผ่านมา 270,760.64 บาท  ผลต่างที่เกิดขึ้น จึงมีเหตุที่ควรตรวจสอบว่า มีการนำรายได้ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. ไปชำระภาษีให้แก่กรมสรรพากรโดยถูกต้อง หรือไม่

ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2565 ซึ่งมีการแสดงรายได้ของคู่สมรส รวมเป็นเงิน 720,000 บาท แต่ไม่ได้แสดงเงินได้พึงประเมินในรอบปีที่ผ่านมา  ผลต่างที่เกิดขึ้น จึงมีเหตุที่ควรตรวจสอบว่า มีการนำรายได้ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. ไปชำระภาษีให้แก่กรมสรรพากรโดยถูกต้อง หรือไม่

ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2565 ซึ่งมีการแสดงรายได้ของตนเอง รวมเป็นเงิน 8,660,257 บาท แต่แสดงเงินได้พึงประเมินในรอบปีที่ผ่านมา 1,110,545 บาท ผลต่างที่เกิดขึ้น อาจมีทั้งเงินได้ที่ไม่ต้องเสียภาษี แต่อาจมีเงินได้ที่ต้องเสียภาษี คือ รายได้ค่าที่ดิน/อาคาร จึงมีเหตุที่ควรตรวจสอบว่า มีการนำรายได้ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. ไปชำระภาษีให้แก่กรมสรรพากรโดยถูกต้อง หรือไม่

ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2565 ซึ่งมีการแสดงรายได้ของตนเอง รวมเป็นเงิน 1,410,359.22 บาท แต่แสดงเงินได้พึงประเมินในรอบปีที่ผ่านมา 936,482.76 บาท มีการแสดงรายได้ของคู่สมรส รวมเป็นเงิน 2,894,294.72 บาท แต่แสดงเงินได้พึงประเมินในรอบปีที่ผ่านมา 1,678,151.59 บาท ผลต่างที่เกิดขึ้น อาจมีทั้งเงินได้ที่ไม่ต้องเสียภาษี แต่อาจมีเงินได้ที่ต้องเสียภาษี คือรายได้ค่าเข่าคอนโดมิเนียม รายได้ค่าเช่าที่ดิน จึงมีเหตุที่ควรตรวจสอบว่า มีการนำรายได้ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. ไปชำระภาษีให้แก่กรมสรรพากรโดยถูกต้อง หรือไม่

อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กรณีดำรงตำแหน่งครบสามปีเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ซึ่งมีการแสดงรายได้ของคู่สมรส รวมเป็นเงิน 562,840 บาท แต่แสดงเงินได้พึงประเมินในรอบปีที่ผ่านมา 102,070.50 บาท  ผลต่างที่เกิดขึ้น จึงมีเหตุที่ควรตรวจสอบว่า มีการนำรายได้ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. ไปชำระภาษีให้แก่กรมสรรพากรโดยถูกต้อง หรือไม่

ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2565 ซึ่งมีการแสดงรายได้ของคู่สมรส (คนที่สอง)  รวมเป็นเงิน 771,500 บาท แต่ไม่ได้แสดงเงินได้พึงประเมินในรอบปีที่ผ่านมา  ผลต่างที่เกิดขึ้น จึงมีเหตุที่ควรตรวจสอบว่า มีการนำรายได้ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. ไปชำระภาษีให้แก่กรมสรรพากรโดยถูกต้อง หรือไม่            

ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2565 ซึ่งมีการแสดงรายได้ของตนเอง รวมเป็นเงิน 1,210,000 บาท แต่แสดงเงินได้พึงประเมินในรอบปีที่ผ่านมา 99,254.96 บาท ผลต่างที่เกิดขึ้น จึงมีเหตุที่ควรตรวจสอบว่า มีการนำรายได้ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. ไปชำระภาษีให้แก่กรมสรรพากรโดยถูกต้อง หรือไม่

ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2565 ซึ่งมีการแสดงรายได้ของตนเอง รวมเป็นเงิน 1,401,600 บาท แต่ไม่แสดงเงินได้พึงประเมินในรอบปีที่ผ่านมา ผลต่างที่เกิดขึ้น จึงมีเหตุที่ควรตรวจสอบว่า มีการนำรายได้ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. ไปชำระภาษีให้แก่กรมสรรพากรโดยถูกต้อง หรือไม่

ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2565 ซึ่งมีการแสดงรายได้ของตนเอง รวมเป็นเงิน 1,196,455.77 บาท แสดงรายได้ของคู่สมรส รวมเป็นเงิน 555,574 บาท แต่ทั้งสองคนไม่แสดงเงินได้พึงประเมินในรอบปีที่ผ่านมา ผลต่างที่เกิดขึ้น จึงมีเหตุที่ควรตรวจสอบว่า มีการนำรายได้ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. ไปชำระภาษีให้แก่กรมสรรพากรโดยถูกต้อง หรือไม่

ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี กรณีดำรงตำแหน่งครบสามปีเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ซึ่งมีการแสดงรายได้ของตนเอง รวมเป็นเงิน 1,354,600 บาท แต่แสดงเงินได้พึงประเมินในรอบปีที่ผ่านมา 90,549.33 บาท และมีการแสดงรายได้ของคู่สมรส รวมเป็นเงิน 798,100 บาท แต่แสดงเงินได้พึงประเมินในรอบปีที่ผ่านมา 33,066.76 บาท  ผลต่างที่เกิดขึ้น จึงมีเหตุที่ควรตรวจสอบว่า มีการนำรายได้ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. ไปชำระภาษีให้แก่กรมสรรพากรโดยถูกต้อง หรือไม่

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กรณีดำรงตำแหน่งครบสามปีเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ซึ่งมีการแสดงรายได้ของตนเอง รวมเป็นเงิน 2,719,200 บาท แต่แสดงเงินได้พึงประเมินในรอบปีที่ผ่านมา 1,595,878.50 บาท  ผลต่างที่เกิดขึ้น อาจมีเงินได้ที่ต้องเสียภาษี คือ รายได้ค่าเช่าคอนโด และค่าเช่ารถ จึงมีเหตุที่ควรตรวจสอบว่า มีการนำรายได้ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. ไปชำระภาษีให้แก่กรมสรรพากรโดยถูกต้อง หรือไม่ (มีหมายเหตุว่า คู่สมรสไม่ได้ยื่น ภ.ง.ด.เนื่องจากในรอบปีภาษีที่ผ่านมามีเงินได้พึงประเมินไม่ถึงเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา)

อธิบดีกรมการค้าภายใน กรณีดำรงตำแหน่งครบสามปีเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2565 ซึ่งมีการแสดงรายได้ของคู่สมรส รวมเป็นเงิน 3,068,633.99 บาท แต่ไม่แสดงเงินได้พึงประเมินในรอบปีที่ผ่านมา ผลต่างที่เกิดขึ้น อาจมีเงินได้ที่ต้องเสียภาษี คือ รายได้ค่าเช่าที่ จึงมีเหตุที่ควรตรวจสอบว่า มีการนำรายได้ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. ไปชำระภาษีให้แก่กรมสรรพากรโดยถูกต้อง หรือไม่

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ซึ่งมีการแสดงรายได้ของคู่สมรส รวมเป็นเงิน 930,000 บาท แต่ได้แสดงเงินได้พึงประเมินในรอบปีที่ผ่านมา 747,309.85 บาท ผลต่างที่เกิดขึ้น อาจมีเงินได้ที่ต้องเสียภาษี คือ รายได้ค่าเช่าอาคารพาณิชย์ จึงมีเหตุที่ควรตรวจสอบว่า มีการนำรายได้ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. ไปชำระภาษีให้แก่กรมสรรพากรโดยถูกต้อง หรือไม่

“ข้อมูลข้างต้น สรุปมาจากเว็บไซต์ของ ป.ป.ช. ซึ่งไม่สามารถพิมพ์ออกมาได้ ดังนั้น จึงต้องขอให้ ป.ป.ช. ไปตรวจสอบรายละเอียดตามคำร้องต่อไปเอง เพราะเอกสารทั้งหลายทั้งปวงอยู่ที่ ป.ป.ช. แล้ว”