เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 24 มิ.ย. 66 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.)  กล่าวภายหลังการเดินทางเข้ารับหนังสือรับรองส.ส. ว่า ในวันที่ 25 มิ.ย.​ จะมีการประชุมส.ส.ของพรรค ซึ่งเปรียบเหมือนการปฐมนิเทศ เพราะมีทั้งส.ส.หน้าเก่า ส.ส.หน้าใหม่ โดยจะต้องมีการทำความรู้จักกัน ทำความเข้าใจกัน หาวิธีการสร้างความสามัคคี ทำความเข้าใจถึงวัฒนธรรมของพรรค การดูแลประชาชนในรูปแบบของพรรคภูมิใจไทยเป็นอย่างไร คงต้องหารือกันในที่ประชุมพรรคในวันพรุ่งนี้ แต่ไม่มีวาระเรื่องการโหวตประธานสภาผู้แทนราษฏร และการโหวตนายกรัฐมนตรี เรื่องนี้ยังมีเวลา ขณะนี้ พรรคภูมิใจไทยก็ทำตามที่ตนให้ข่าวมาตลอด คือ ยินดีกับพรรคที่ได้รับการเลือกตั้งมาเป็นอันดับหนึ่ง อันดับสอง และทุกพรรค แต่มารยาททางการเมืองพรรคอันดับหนึ่งก็กำลังจัดตั้งรัฐบาลอยู่ ก็ต้องให้เขาจัดตั้งรัฐบาลด้วยความราบรื่น และเรียบร้อยที่สุด เราไม่ควรไปเคลื่อนไหวทางการเมืองในการจัดตั้งอะไร ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีปัญหาอะไร เราก็ทำหน้าที่เป็นพรรคทำตามไทม์ไลน์

เมื่อถามถึงสูตรการจัดตั้งรัฐบาลว่า “มีภูมิใจไทย ไม่มีก้าวไกล” ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีอะไรต้องอธิบาย เพราะไม่เป็นข้อเท็จจริง มีภูมิใจไทยก็ต้องมีทุกพรรคในสภาฯ ขาดใครก็ไม่ได้ มีการเลือกตั้งก็ต้องมีภูมิใจไทย ส่วนการร่วมรัฐบาลจะต้องเป็นไปตามเจตนารมณ์ ที่พรรคได้ออกเป็นแถลงการณ์ เรื่องนี้ ก็เหมือนสัญญา เหมือนเจตนารมณ์ ที่เราต้องทำตาม 

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าพรรคก้าวไกล มีดีลลับกับนายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดเพื่อโหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เป็นนายกฯ นายอนุทิน กล่าวว่า ความเป็นไปได้เท่ากับศูนย์ถึงติดลบ หากจะดีลอะไรกับพรรคภูมิใจไทยต้องดีลกับตน ถ้าไปที่นั่นแสดงว่าไปผิดที่ ทุกอย่างเป็นไปตามครรลอง ส่วนตนก็ทำตามครรลอง พรรคภูมิใจไทยทำตามมารยาททุกอย่าง ถ้าหากไปดีลกับนายเนวิน นายเนวินก็ต้องกลับมาถามตนอยู่ดี พรรคตัดสินใจอะไรด้วยตัวคนเดียวได้หรือไม่ ทุกอย่างต้องเข้าที่ประชุมพรรคตลอด  

เมื่อถามต่อว่า ได้มีการปรึกษานายเนวิน ในเรื่องทิศทางทางการเมืองด้วย หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า คุยกันทุกวันคุยเรื่องการเตรียมตัวต่างๆ และมีหลายเรื่องที่เราอาจจะผิดพลาดไปในการวางกลยุทธ์การเลือกตั้ง จากที่คาดว่าจะได้ส.ส. ประมาณ 80 คน ก็ได้มา 70 กว่าคน ส่วนที่หายไปนั้น หายไปไหน หายไปอย่างไร ก็ต้องมาแก้ไข 

เมื่อถามย้ำว่า มีการคุยกันเรื่องวางเกมพลิกขั้วอะไรหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราเป็นพรรคลำดับสาม ความกดดันยังไม่มาถึงเรา เป็นเรื่องของพรรคลำดับหนึ่ง ในกรณีนี้พรรคอันดับหนึ่ง และพรรคอันดับสองก็ประกาศว่าจะอยู่ด้วยกันแค่ 2 พรรครวมกันได้เกินครึ่งแล้ว เราจะไปทำอะไร เราก็ต้องอยู่ ทำตามหน้าที่ปัจจุบันคือการเป็นส.ส. 

เมื่อถามว่า มีความพร้อม และซักซ้อมการเป็นผู้นำฝ่ายค้านแล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ได้ทุกบทบาท เป็นตำแหน่งที่สำคัญ มีใครที่ไม่เคยเป็นฝ่ายค้าน พรรคใหญ่ๆ ต่างผ่านการเป็นฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลมาหมดแล้ว ส่วนการเสนอรายชื่อชิงเก้าอี้ประธานสภาฯ ตนขอยืนยันว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยไม่มี เราพยายามให้ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยความราบรื่น เปิดสภาฯได้ ก็จะได้ไปทำหน้าที่ในสภาฯ

เมื่อถามถึงกรณีที่มีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ออกมาแสดงความเห็นว่า อาจจะมีการพลิกขั้วทางการเมือง นายอนุทินกล่าวว่า ตนไม่ได้มอง เพราะยังไม่ได้ยินเรื่องนี้ ทุกอย่างยังดำเนินไปตามปกติ ต่างคนต่างทำหน้าที่ให้ดีที่สุด อย่าให้มีเรื่องมีราว อย่าทำอะไรให้เกิดความวุ่นวาย  

เมื่อถามว่า แนวทางของพรรคภูมิใจไทย จะชัดเจนก่อนเปิดประชุมโหวตประธานสภาฯ และนายกฯ หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า หลังรายงานตัวครบ หลังรัฐพิธี คิดว่าน่าจะมีการเรียกประชุมใน 1-2 วัน ช่วงนั้นเราก็ต้องหารือว่า ถ้าใครเป็นแคนดิเดตประธานสภาฯ ก็ต้องดูว่าวันนั้นเราอยู่ตรงไหน ฝ่ายเรามีการเสนอชื่อใครหรือไม่ ต้องดูทุกบริบทความน่าจะเป็น ดูว่าพรรคอันดับหนึ่งเสนอชื่อใครมา เราเป็นพรรคอันดับสาม หากเราไปเคลื่อนไหวเหมือนพรรคอันดับหนึ่งอันดับสอง อาจจะทำให้มีการตีความให้เป็นความวุ่นวาย ไม่อยากเป็นคนก่อให้เกิดความวุ่นวาย ซึ่งไม่ใช่แนวทางการทำงานของพรรคภูมิใจไทยอยู่แล้ว