ตำรวจน้ำสงขลาไล่ล่าจับกุมเรือประมงเวียดนามที่ลักลอบเข้ามาทำการประมงคราดปลิงทะเลในน่านน้ำไทย ขณะเข้าจับกุมเรือประมงเวียดนามเร่งเครื่องหนีเต็มที่ แต่ไม่รอด สามารถจับเรือประมงเวียดนามได้ 2 ลำพร้อมลูกเรือ 11 คน โดยมีการย้อนศรไล่ล่าจับกุมและเป็นผลสำเร็จมาหลายครั้งแล้ว  

เรือตรวจการณ์ 817 ของกองบังคับการตำรวจน้ำ   โดย พันตำรวจโท นัฐพงศ์ ตาแก้ว รองผู้กำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจน้ำ (สงขลา) เป็นหัวหน้าชุด นำเรือออกปฏิบัติการไล่ล่าประกบเรือประมงเวียดนาม ที่พยายามเร่งเครื่องขับหนีการจับกุมอย่างเต็มที่ แต่ด้วยยุทธวิธีของตำรวจน้ำ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมเรือประมงเวียดนาม ที่ลักลอบเข้ามาทำการประมงคราดปลิงทะเล บริเวณเกาะโลซิน จังหวัดปัตตานี หลังจากได้รับแจ้งจากสายข่าวและเรือประมงในพื้นที่ ที่ทำการประมงอยู่บริเวณใกล้เคียงว่า มีเรือประมงสัญชาติเวียดนามลักลอบเข้ามาทำการประมงในทะเลเขตต่อเนื่องบริเวณแลตติจูด7 องศา 57 ลิปดาเหนือ ลองติจูด 101 องศา 56 ลิปดาตะวันออกซึ่งอยู่ในทะเลเขตต่อเนื่อง   ห่างจากเส้นฐานตรง 19 ไมล์ทะเลและห่างจากทุ่นไฟปากร่องน้ำสงขลาไปทางทิศตะวันออกประมาณ 80 ไมล์ทะเล บริเวณเกาะโลซินจังหวัดปัตตานี  

โดยเรือตำรวจน้ำวิ่งประกบไล่ล่าเรือประมงเวียดนามที่ขับหนีอย่างรวดเร็ว  ขณะเดียวกันเรือตำรวจน้ำก็ได้ประกาศให้เรือประมงเวียดนามหยุดอยู่ตลอดเวลาในที่สุดก็สามารถหยุดเรือและยอมจำนนให้ทำการจับกุม จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเรือประมงคราดปลิงทะเลสัญชาติเวียดนาม มีลูกเรือประมงจำนวน 5 คนรวมทั้งผู้ควบคุมเรือ จึงได้ทำการจับกุมเรือประมงเวียดนามจำนวน 1 ลำพร้อมลูกเรือ 5 คน และควบคุมเรือกลับเข้าฝั่ง มาจอดที่ท่าเทียบเรือตำรวจน้ำ ถนนแหล่งพระรามเขตเทศบาลนครสงขลา อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา  

 หลังจากควบคุมเรือประมงเวียดนามและลูกเรือประมงทั้ง 5 คนกลับเข้าฝั่งแล้ว  ก็ได้รับแจ้งจากสายข่าวและชาวประมงในพื้นที่ว่า มีเรือประมงเวียดนามลักลอบเข้ามาทำการประมงคราดปลิงทะเลในเขตน่านน้ำไทย บริเวณแลตติจูด 7 องศา 54 ลิปดาเหนือ ลองติจูด 100 องศา 52 ลิปดาตะวันออก ซึ่งอยู่ในทะเลเขตน่านน้ำภายใน ห่างจากปากร่องน้ำสงขลา ไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 44 ไมล์ทะเล บริเวณเกาะกระ จังหวัดนครศรีธรรมราช จึงได้นำเรือตรวจการณ์ 817 ออกไปทำการตรวจ สอบ ปรากฏว่า ตรวจพบเรือประมงเวียดนาม กำลังทำการประมงคราดปลิงทะเล  จึงได้ทำการจับกุมพร้อมลูกเรือชาวเวียดนาม จำนวน 6 คนและได้ควบคุมเรือประมงเวียดนามจำนวน 1 ลำพร้อมลูกเรือ 6 คนเดินทางกลับเข้าฝั่งเพื่อส่งตัวมอบให้กับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

โดยตั้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้งหมด ในข้อหาร่วมกันทำการประมงพาณิชย์ในน่านน้ำไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.ก.ประมง พ.ศ.2558 พร้อมด้วย พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522, พ.ร.บ.ว่าด้วยสิทธิการประมงในเขตการประมงไทย พ.ศ.2482 และ พ.ร.บ.เดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 

พันตำรวจโท นัฐพงศ์ ตาแก้ว รองผู้กำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจน้ำ(สงขลา)กล่าวว่า ในห้วงเวลาที่ผ่านมา ทางตำรวจน้ำก็ได้ทำการจับกุมเรือประมงสัญชาติเวียดนาม ซึ่งทางตำรวจน้ำได้รับแจ้งจากสายข่าวและเรือประมงในพื้นที่ทางตำรวจน้ำก็ได้ออกทำการลาดตระเวนและก็เจอ สุดท้ายก็ทำการจับกุมมาดำเนินคดีในพื้นที่ 

ซึ่งเรือประมงคราดปลิงที่เข้ามาใกล้ในพื้นที่ก็เนื่องจากปลิงทะเลมันจะอยู่บริเวณที่น้ำไม่ลึกมากจนเกินไป ในภาคใต้ตอนล่างที่เป็นเขตรับผิดชอบของผม เป็นพื้นที่ที่เรือคราดปลิงจะเข้ามาบ่อยครั้ง ก็จะเป็นน่านน้ำภายใน แถวเกาะโลซินหรือแนวชายทะเลของจังหวัดนราธิวาส ปัตตานี แม้กระทั่งแถวเกาะกระ ซึ่งเป็นดอนลักษณะดอนทราย พื้นที่ลักษณะแบบนี้ จะมีปลิงทะเลอยู่ค่อนข้างจะเยอะ ทำให้เรือประมงสัญชาติเวียดนามลักลอบเข้ามาทำประมงอยู่บ่อย 

ลำแรกที่เราจับได้ก็จะทำการประมงอยู่แถวเกาะโลซิน ลำที่ 2 ล่าสุดที่ทำการจับมาก็เป็นบริเวณเกาะกระ เรือทั้ง 2 ลำเป็นเรือคราดปลิงทั้งหมด 

จากการสังเกตหลายๆครั้งและมีสายข่าวรายงานเรามา พอมีการจับกุมเราจะต้องลากเรือกลับมาเข้าฝั่งในพื้นที่ และจะต้องใช้เวลาค่อนข้างจะนาน ทำให้กลุ่มเรือที่เหลือ ที่ยังไม่โดนจับกุม มีพฤติการณ์ที่ว่า เมื่อเจ้าหน้าที่จับแล้ว เมื่อกลับเข้าฝั่งจะต้องใช้เวลาในการเดินทาง ใช้เวลาในการทำบันทึกจับกุม ซึ่งตรงนี้จะเป็นเวลานาทีทองของเขา หลายๆครั้ง ที่ทางพวกผม จะมีการวางแผนย้อนศร ซึ่งลักษณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำได้ทำสำเร็จมา 2-3 ครั้งแล้ว ก็คือ ชุดนึงจับลากเรือเข้าเพื่อเปลี่ยนความคิดให้เขาคิดว่า เราไม่มาจับเขาแล้ว ช่วงระยะเวลาหนึ่ง และเราใช้เรือตำรวจน้ำอีกชุดนึง เข้าไปในพื้นที่เดิม ก็ตรวจเจอและก็ได้ทำการจับกุมได้ต่อเนื่องจำนวนหลายครั้งแล้ว 

    ในส่วนสถานีตำรวจน้ำ กองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจน้ำ ในจังหวัดสงขลามีพื้นที่รับผิดชอบตั้งแต่อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง ไปถึงอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส รวมพื้นที่ 4 จังหวัด ซึ่งเป็นจังหวัดแนวชายทะเลทั้งหมด ในระยะเวลาที่ผ่านมา ทางหน่วยแม่ของกองกำกับการ 7ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา     กองบังคับการตำรวจน้ำ ได้มีนโยบายมอบลงมา ให้ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับทางทะเลเป็นปกติอยู่แล้ว 

    อยากฝากถึงพี่น้องชาวประมงทุกคนว่า ช่วยเป็นหูเป็นตา ถ้าเกิดมีเรือประมงทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นเรือประมงสัญชาติเวียดนามหรือเรือประมงสัญชาติไทยก็ตาม ที่ลักลอบทำการประมงผิดกฎหมาย ก็ขอให้แจ้งมายังตำรวจน้ำและขอให้พี่น้องประชาชน มั่นใจว่า พวกผมพร้อมที่จะรับใช้ พร้อมที่จะปฏิบัติและจับกุมตามความสามารถที่ผมมีอย่างเต็มที่