วันที่22​ มิ.ย.2566​ -​เป็นที่สนใจทีเดียวในกระแสโซเชียลกับกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ติดโควิดเป็นรอบที่3  ทั้งที่ฉีดวัคซีนโควิดมาแล้ว6เข็ม​ ยังติดได้

 

ล่าสุดศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า​ วัคซีนโควิด..ที่ต้องติดตาม22/6/2023


วัคซีนที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นสร้างจากตัวไวรัสบรรพบุรุษอู่ฮั่น​ ดังนั้นเมื่อเกิดสายพันธุ์ใหม่ภูมิคุ้มกันที่ได้จึง “เบ้ “ ไปหาตัวอู่ฮั่นมากกว่าและมีประสิทธิภาพต่อสายพันธุ์ใหม่ลดลงและอยู่ได้ไม่นานนัก ทำให้ต้องมีการฉีดใหม่อยู่เรื่อยๆ

และในปัจจุบันแม้ว่าจะมีวัคซีนรุ่นใหม่ที่ควบรวมอู๋ฮั่นและสายย่อย BA4/5 (bivalent) แต่ก็ยังคงปรากฏสภาพเดิมและยิ่งสายพันธุ์ที่ปรากฏขณะนี้เป็น XBB เช่น 1.16 ทำให้ประสิทธิภาพลดน้อยถอยลงอีก
จากรายงานในศูนย์การแพทย์คลีฟแลนด์คลินิก สหรัฐ ประเมิน 26 สัปดาห์ในบุคลากรมากกว่า 50,000 คนที่ได้รับวัคซีนรุ่นใหม่ bivalent นี้ ปรากฏว่าประสิทธิภาพต่อ
BA4/5 อยู่ที่ 29%  BQ อยู่ที่ 20%และ XBB อยู่ที่ 4%


และมีแนวโน้มว่าถ้าได้รับวัคซีนก่อนนี้ เป็นจำนวนหลายเข็ม กลับทำให้ติดมากขึ้น โดยที่หาเหตุผลไม่ได้

การที่ได้รับวัคซีนมากกว่าสามเข็ม ไม่ได้ ป้องกันการติดเชื้อตามที่หวัง และในขณะเดียวกัน มีแนวโน้มทำให้การกำจัดไวรัสเมื่อติดเข้าร่างกายแล้วมีประสิทธิภาพน้อยลง เรียกว่า T เซลล์หมดแรง หรือ T cell exhaustion


ดังรายงานในวารสารวิทยาศาสตร์ science Nature ตั้งแต่ ปี 2022 จนถึง 2023 
อีกประการก็คือการรายงานหัวใจอักเสบจากประเทศเกาหลีในเดือนพฤษภาคม 2023 จากประชากร 44,000,000 คน
แม้ว่าอุบัติการของหัวใจอักเสบจะอยู่ที่หนึ่งรายต่อ 100,000 รายที่ฉีดวัคซีน
แต่ความรุนแรงมาก พบได้ ถึง 19.8% โดยมีผู้เสียชีวิตเปลี่ยนหัวใจ และต้องรักษาในไอซียูรวมทั้งใช้เครื่อง เอ๊กโม่ และมี ผู้เสียชีวิตเฉียบพลัน sudden cardiac death ทั้งนี้ได้ตัดประเด็นของการติดเชื้อโควิดการติดเชื้ออื่นๆและความแปรปรวนระบบภูมิคุ้มกันที่ทำให้หัวใจอักเสบไปแล้ว


และในกรณีที่มีผลข้างเคียงของวัคซีนจะมีลักษณะอาการความรุนแรงผลที่กระทบร่างกายและสมองในลักษณะเดียวกันกับลอง
โควิด