ดนตรี / วรรณากร

ในยุคครึ่งหลังของทศวรรษที่ 90 ชื่อของ แมตช์บ็อกซ์​ ทเวนตี้ และ ร็อบ โธมัส ผู้เป็นนักร้องนำคือชื่อที่คุ้นเคยสำหรับคนฟังเพลง พวกเขาอาจเรียกได้ว่าเป็นระดับ “ตัวพ่อ” ของวงการในตอนนั้น

Yourself Or Someone Like You เป็นอัลบั้มแรกที่เรียกความสำเร็จมาให้วงอย่างเหลือเชื่อ ติดตามมาด้วย Mad Season อัลบั้มชุดที่ 2 ที่สร้างชื่อเสียงให้พวกเขามากยิ่งขึ้น ด้วยเพลงที่ผสานระหว่างป๊อปและร็อกได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ การที่ ร็อบ โธมัส ไปร่วมงานกับ ซานตานา ในอัลบั้ม Supernatural และมีเพลงสุดฮิตอย่าง “Smooth” ออกมา ก็ยิ่งช่วยส่งเสริมความนิยมให้วง

พอเข้าปี 2547 แมตช์บ็อกซ์ ทเวนตี้ ประกาศพักวง หลังจากมือกีตาร์ลาออก พวกเขาก็กลับมาอีกในปี 2553 แต่แล้ว หลังจากมีผลงานชุด North ออกมาในปี 2555 พวกเขาก็เงียบหายไปอย่างยาวนาน และเพิ่งจะกลับมาในปีนี้ พร้อมกับอัลบั้มใหม่ในรอบ 11 ปี

จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม Where The Light Goes ซึ่งเป็นงานชุดล่าสุดของพวกเขา เพิ่งจะเป็นผลงานในแบบสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 5 ของวงร็อคที่แจ้งเกิดมาตั้งแต่ปี 2538

และที่ไม่น่าเชื่อยิ่งกว่าคืองานเพลงของพวกเขา ยังคงหนักแน่นและเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ อีกทั้งความสามารถในการดึงเอาเพลงร็อกและป็อปมาผสมเข้าด้วยกันอย่างกลมกล่อมของพวกเขาไม่ได้หายไปไหนเลย หรืออาจจะบอกได้ว่า “เนียน” ยิ่งกว่าเดิม

โธมัส ในวัย 47 ปี ยังคงทำหน้าที่นักร้องได้อย่างดีเยี่ยม แม้ว่าด้วยวัยและประสบการณ์จะทำให้เสียงของเขาเปลี่ยนไป แต่เสียงของเขาคือหนึ่งในเสน่ห์ของ แมตช์บ็อกซ์ ทเวนตี้ อย่างไม่ต้องสงสัย

เมื่อประกอบเข้ากับบทเพลงที่มีพลังและความสดใสอย่างเหลือเชื่อ เมื่อคิดถึงวัยคนทำเพลง ก็ยิ่งทำให้ Where The Light Goes คืออัลบั้มป็อป-ร็อคที่ก้าวเดินพร้อมกับยุคสมัยและคนรุ่นใหม่อย่างไม่ขัดเขิน

ไม่ว่าจะเป็นเพลงที่ครบเครื่องอย่าง “Wild Dogs (Running In A Slow Dream)”, “Don’t Get Me Wrong”, “Rebels”, “No Other Love” หรือเพลงที่เรียบง่ายกว่าอย่าง “One Hit Love”, “Hang On Every Word” ล้วนแต่เป็นหลักฐานยืนยันว่า ฝีมือการทำเพลงของพวกเขาไม่ได้หล่นหายไปตามกาลเวลา แต่กลับเพิ่มดีกรีความยอดเยี่ยมได้มากขึ้นกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

 

ขอบคุณภาพ : Facebook / Matchbox Twenty