รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงานเปิดเผยว่า ต้นสัปดาห์หน้า คาดว่าคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ในฐานะฝ่ายปฏิบัติมีหน้าที่ดูแลความมั่นคงด้านน้ำมันจะมีการพิจารณาแนวทางดูแลราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลวหรือก๊าซหุงต้ม (LPG) ที่จะสิ้นสุดการตรึงราคาไว้ที่ 423 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม (กก.) ในวันที่ 30 มิ.ย.66 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากผลกระทบค่าครองชีพของประชาชน เนื่องจากขณะนี้ยอมรับอยู่ในช่วงรัฐบาลรักษาการ ทำให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ซึ่งมีหน้าที่ดูแลด้านนโยบายพลังงานไม่สามารถพิจารณาการเปลี่ยนแปลงมาตรการใดๆได้ โดยผู้บริหารที่เกี่ยวข้องเห็นว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีอำนาจใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สามารถพิจารณาแนวทางต่างๆได้ ขณะนี้ กบน.กำลังพิจารณารายละเอียดคาดว่าจะพิจารณาแนวทางต่างๆได้ต้นสัปดาห์หน้า

สำหรับปัจจุบันกองทุนอุดหนุนราคาแอลพีจีเพียง 17 สตางค์ต่อ กก.หลังราคาแอลพีจีตลาดโลก (CP) เดือน มิ.ย.ลดลงจากเดือน พ.ค.ถึง 110 เหรียญต่อตัน มาอยู่ที่ 445 เหรียญสหรัฐต่อตัน เมื่อรวมกับกองทุนมีเงินไหลเข้าราว 20.38 ล้านบาทต่อวัน หรือเดือนละว 611 ล้านบาทถือว่ายังน้อย เห็นได้จากฐานะกองทุนสุทธิล่าสุด ณ วันที่ 18 มิ.ย.66 ติดลบ 60,189 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 14,077 ล้านบาท และบัญชีแอลพีจีติดลบ 46,122 ล้านบาท

นายนรุตม์ ภัทรชัยพร นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) กล่าวว่า หวังว่ากระทรวงพลังงานจะพิจารณาต่ออายุมาตรการตรึงราคาก๊าซหุงต้มออกไปจากที่จะสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.66 เพื่อช่วยบรรเทาค่าครองชีพของประชาชนที่ยังอยู่ในระดับสูง หรือหากเป็นไปได้อยากเห็นลดราคาแอลพีจีลงด้วยซ้ำ เพราะการตรึงราคาส่งผลกระทบต่อยอดจำหน่ายก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือนปัจจุบันลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เฉลี่ยประมาณ 3-5% แต่เข้าใจว่ากองทุนยังแบกภาระจากการเข้าไปอุดหนุนราคาแอลพีจีก่อนหน้านี้ที่ราคาตลาดโลกสูง ดังนั้นขอเพียงไม่ปรับขึ้นก็นับว่าไม่ทำให้ประชาชนรับภาระค่าครองชีพเพิ่ม

ทั้งนี้ปัจจุบันรัฐบาลมีมาตรการอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือนสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย 14 ล้านคน 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน ลดลงจากก่อนหน้านี้อุดหนุน 100 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน