วันที่ 20 มิ.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม บรรยากาศการรายงานตัวของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หลัง กกต.กลาง มีผลการรับรองการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งแบบเขตเลือกตั้ง และบัญชีรายชื่อ รวม 500 คน  ในส่วนของ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของพรรคเพื่อไทย อีกคนที่ต้องจับตามอง และยอมรับว่า ฟิตจัดตั้งแต่รายงานตัววันแรก ยังไม่มีการจัดตั้งรัฐบาล และต้องจับตามอง คือ ดร.ภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ ส.ส. เขต 1 นครพนม พรรคเพื่อไทย อดีตเคยเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชาชน จนกระทั่งว่างจากตำแหน่ง หลังพรรคพลังประชาชนถูกยุบ และมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองมาตลอด ในที่สุด ได้มีโอกาสกลับมา สมัคร ส.ส. เขต 1 นครพนม พรรคเพื่อไทย อีกครั้ง จนชนะการเลือกตั้ง ด้วยคะแนน ท่วมท้น ถือเป็นผู้แทนขวัญใจประชาชน ที่ขยันลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน ดูแลปัญหาปากท้องมาตลอด โดยเฉพาะปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติด ถือว่าให้ความสำคัญเป็นพิเศษไม่แพ้ปัญหาโครงสร้างพื้นฐาน เนื่องจากเชื่อว่า เป็นบ่อนทำลายชาติ และกระทบต่อความเป็นอยู่ของสังคม ขณะเดียวกัน เพียงแค่หลังการออกมารายงานตัวรับตำแหน่ง ส.ส. วันแรก ยังไม่มีการจัดตั้งรัฐบาล ยังฟิตจัดถือโอกาส เข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก รอง ผบ.ตร. รวมถึงเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ที่สโมสรตำรวจ รวมถึงเข้าพบ เจ้าหน้าที่ ปปส. เพื่อนำหลักฐานเบาะแส บัญชีผู้ค้า ผู้เสพยาบ้า ให้ทางเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมประกาศสงครามกับขบวนการค้ายาเสพติด และหนุนรัฐบาลชุดใหม่ เดินหน้าแก้ไขปราบปรามปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง

ด้าน ดร.ภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ ส.ส. เขต 1 นครพนม พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ตนทำงานลงพื้นที่รับทราบปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านในพื้นที่ จ.นครพนม รวมถึง พื้นที่ เขตเลือกตั้ง มาตลอด ถึงแม้จะไม่มีตำแหน่งทางการเมือง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รับทราบมาตลอดว่า ไม่เพียงปัญหาปากท้อง หรือปัญหาราคาสินค้าการเกษตรตกต่ำ แต่ยังมีปัญหายาเสพติดแพร่ระบาด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ยังไม่ได้รับการปราบปรามอย่างจริงจัง ตลอดเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ในการรายงานตัววันแรก ถึงแม้ยังไม่จัดตั้งรัฐบาล แต่ตนอยากให้ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายให้ความสำคัญเกี่ยวกับปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสาน รวมถึงชายแดน จ.นครพนม ยังมีผู้ค้า ผู้เสพยาเสพติด อีกจำนวนมาก ที่ยังลอยนวล

เบื้องต้นได้เข้าพบ เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ของหน่วยงานตำรวจ ปปส. เพื่อนำเบาะแสรายชื่อขบวนการค้ายาเสพติด บางส่วน เพื่อเร่งปราบปรามจับกุมจริงจัง เพราะเชื่อว่าเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ และจะเดินหน้า เสนอให้รัฐบาลชุดใหม่ ปราบปรามแก้ไขปัญหาจริงจัง เพื่ออนาคตของลูกหลานเยาวชน และเป็นการแก้ไขปัญหาสังคม ต่อไปในอนาคต ส่วนเรื่องปมการแต่งตั้งตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงตำแหน่งรัฐมนตรี ตนไม่หนักใจ เชื่อมั่นว่าจะต้องเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย เสียงข้างมาก ส่วนความเห็นต่างเป็นเรื่องธรรมดา แต่ยืนยันไม่มีความขัดแย้ง เพราะเชื่อว่าสำคัญที่สุดรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งด้วยเสียงของประชาชน จะต้องยึดมั่นเสียงข้างมากเป็นหลัก และสำคัญที่สุดคือการดูแลพี่น้องประชาชน