วันที่ 20 มิ.ย. 66  เมื่อเวลา 08.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางไปรายงานตัว ส.ส.ที่รัฐสภา หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผลเลือกตั้ง ส.ส.แล้วว่า ในส่วนของ ส.ส.รทสช. ทางเลขาธิการพรรคจะเป็นผู้นัดหมายอีกครั้งว่าจะไปพร้อมกันในวันไหน ซึ่งวันนี้จะเห็นแล้วว่า กกต.ทำงานรวดเร็ว แต่ก่อนหน้านี้หลายฝ่ายไปวิพากษ์วิจารณ์กดดัน กกต. แต่สุดท้าย กกต.ทำงานได้เร็ว พวกเราต้องชื่นชม อย่างไรก็ตาม ในส่วน ส.ส.ใหม่ของพรรคจะได้มีการสัมมนาเป็นการภายใน เพื่อพูดคุยกับ ส.ส.ใหม่ให้เข้าใจถึงระเบียบ วิธีการ หลายๆ เรื่อง ทำความเข้าใจกันให้มากกว่านี้ หลังจากนั้นจะมีการจัดสัมมนาในต่างจังหวัดสักครั้งหนึ่ง เพราะในพรรคเองยังไม่เคยมีการไปพูดคุยกัน ซึ่งมีหลายอย่างที่น้องๆ ผู้สมัครรุ่นใหม่ ส.ส.รุ่นใหม่ได้สะท้อนมาในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อพรรคการเมือง เราคงจะนำข้อมูลเหล่านี้มาพูดคุย และนำไปทำงานให้พรรคมีความเข้มแข็งมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า การโหวตเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร และการโหวตนายกรัฐมนตรี รทสช.จะโหวตไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ รองหัวหน้าพรรค รทสช. กล่าวว่า เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และตนเข้าใจว่าทางพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันจะมีการพูดคุยกันด้วย เพราะทุกๆ พรรคมีสายสัมพันธ์อันดีกับทาง รทสช. และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ซึ่งที่ผ่านมาแต่ละพรรคได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ตลอดเวลา 

เมื่อถามว่า จะมีการนัดกับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างเป็นทางการหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า คิดว่าเป็นไปได้ เพราะหัวหน้าพรรคแต่ละพรรคก็มาประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) เจอทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกฯ และหัวหน้าพรรค รทสช. คงมีการคุยกันบ้าง ส่วนการนัดกันอย่างเป็นทางการ คิดว่าไม่แน่ แต่ส่วนตัวคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี

เมื่อถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันจะโหวตเรื่องต่างๆ ในสภาฯไปทางทิศทางเดียวกันใช่หรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ตนคงไปก้าวล่วงพรรคอื่นไม่ได้ แต่ที่ตนพูดข้างต้นหมายถึงความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันนั้นมีมายาวนาน ในทางการเมืองก็มีการแลกเปลี่ยนกันบ้าง และพูดคุยกันตลอดเวลาอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า รทสช.จะเสนอชื่อประธานสภาฯ แข่งหรือไม่ รองหัวหน้าพรรค รทสช. กล่าวว่า ตนคงตอบแทนไม่ได้ เพราะต้องประชุมพรรคก่อน

เมื่อถามว่า รทสช.จะเป็นโต้โผหลักในการรวบรวม 50 รายชื่อ ส.ส.เพื่อขอตรวจสอบนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้คุยกัน เมื่อกกต.รับรองว่าที่นายกฯแล้ว กลไกในการพิจารณาคดีต่างๆ มันคงเดินได้ ก่อนหน้านี้ที่มีคนไปยื่นร้องเรียนการตรวจสอบก็ได้ดำเนินการไปแล้ว แต่เมื่อมีการรับรอง ส.ส.แล้วสถานะจะเปลี่ยน เพราะเมื่อเป็น ส.ส.แล้วจะเข้าเงื่อนไขกฎหมายทั้งหมด ฉะนั้น กกต.หรือศาลรัฐธรรมนูญคงต้องดำเนินการ 

เมื่อถามย้ำว่า เป็นหน้าที่ของ ส.ส. หรือ กกต. ในการยื่นตีความคุณสมบัตินายพิธา เรื่องการถือหุ้นสื่อตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 นายธนกร กล่าวว่า ไม่ได้เป็นหน้าที่ของใคร แต่เมื่ อเป็นสิ่งที่ท่านเกี่ยวข้องท่านก็ต้องดำเนินการ ที่ผ่านมามีตัวอย่างให้เห็นอยู่แล้วว่ากระบวนการต่างๆ เขาดำเนินการมาอย่างไร ซึ่งเป็นข้อกฎหมาย กกต.ก็ต้องไปดู อย่างไรก็ตาม หากว่าที่นายกฯมีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายเราก็คาดการณ์ไม่ได้ว่าองค์กรที่ตรวจสอบจะตัดสินตอนไหน หรืออาจจะทำให้เกิดปัญหาหรือไม่ อย่างไร ต้องดูกันก่อน