พาณิชย์เผย 5 เดือนปี 66 ต่างชาติลงทุนในไทย 45,392 ล้านบาท ญี่ปุ่นลงทุนอันดับหนึ่ง 15,873 ล้านบาทตามด้วย จีน 11,479 ล้านบาท และสิงคโปร์ 6,356 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 2,999 คน
 
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เปิดเผยว่า เดือนมกราคม - พฤษภาคม 2566 คณะกรรมการฯ ได้มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จำนวน 274 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 87 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 187 ราย เงินลงทุนทั้งสิ้น 45,392 ล้านบาท จ้างงานคนไทยรวม 2,999 คน ชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรกได้แก่ ญี่ปุ่น 63 ราย (ร้อยละ 23) เงินลงทุน 15,873 ล้านบาท สหรัฐอเมริกา 48 ราย (ร้อยละ 18) เงินลงทุน 2,456 ล้านบาท สิงคโปร์ 46 ราย (ร้อยละ 17) เงินลงทุน 6,356 ล้านบาท จีน 19 ราย (ร้อยละ 7) เงินลงทุน 11,479 ล้านบาท และฮ่องกง 12 ราย (ร้อยละ 4) เงินลงทุน 2,991 ล้านบาท  รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทยเช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการควบคุมแรงดันหลุมขุดเจาะปิโตรเลียม องค์ความรู้เกี่ยวกับการออกแบบระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในโครงการรถไฟฟ้า องค์ความรู้เกี่ยวกับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม องค์ความรู้เกี่ยวกับวิธีการแก้ไขปัญหาในการใช้งานยางล้ออากาศยาน และองค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการแก้ไขปัญหาเครื่องอัดอากาศ เป็นต้น 

ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 พบว่า การอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย เพิ่มขึ้น 37 ราย คิดเป็นร้อยละ 16 (เดือนม.ค. - พ.ค.66 อนุญาต 274 ราย / เดือนม.ค. - พ.ค.65 อนุญาต 237 ราย) มูลค่าการลงทุนลดลง 9,684 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 18 (เดือนม.ค. - พ.ค.66 ลงทุน 45,392 ล้านบาท / เดือนม.ค.-พ.ค.65 ลงทุน 55,076 ล้านบาท) และจ้างงานคนไทยลดลง 23 ราย คิดเป็นร้อยละ 1 (เดือนม.ค.- พ.ค.66 จ้างงาน 2,999 คน / เดือนม.ค. - พ.ค.65 จ้างงาน 3,022 คน) โดยจำนวนนักลงทุนที่เข้ามาสูงสุดยังคงเป็นนักลงทุนญี่ปุ่น เช่นเดียวกับปี 2565
  
โดยธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2566 ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ นโยบายการส่งเสริมการลงทุนเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ อาทิ บริการขุดเจาะหลุมปิโตรเลียมภายในบริเวณพื้นที่แปลงสำรวจที่ได้รับสัมปทานในอ่าวไทย,บริการออกแบบ จัดซื้อ จัดหา ติดตั้ง ปรับปรุง พัฒนา ทดลองระบบ เชื่อมระบบ และการเปิดใช้งาน ตลอดจนการบริหารจัดการ สำหรับโครงการรถไฟฟ้า,บริการก่อสร้าง ติดตั้ง และทดสอบเกี่ยวกับการวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติและสถานีควบคุมก๊าซธรรมชาติและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สำหรับโครงการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบก,บริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การให้คำปรึกษาแนะนำเชิงเทคนิค การแก้ไขปัญหาด้านเทคนิค รวบรวมข้อมูลด้านเทคนิค เป็นต้น,บริการกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) โดยเป็นการให้บริการแพลตฟอร์มกลางสำหรับซื้อ-ขายสินค้า,บริการเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ ซึ่งให้บริการแก่กิจการของวิสาหกิจในเครือในต่างประเทศ
 
ขณะที่การลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ เดือนมกราคม - พฤษภาคม 2566 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 48 ราย คิดเป็นร้อยละ 18 ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด โดยมีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 9,442 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 21 ของเงินลงทุนทั้งหมด เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น 19 ราย ลงทุน 3,264 ล้านบาท จีน 9 ราย ลงทุน 752 ล้านบาท ฮ่องกง 3 ราย ลงทุน 2,920 ล้านบาท และประเทศอื่นๆ 17 ราย ลงทุน 2,506 ล้านบาท โดยธุรกิจที่ลงทุน อาทิ 1) บริการให้คำปรึกษาแนะนำด้านการบริหารจัดการกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ 2) บริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การออกแบบเครื่องจักร เครื่องกล เครื่องมือ และอุปกรณ์ 3) บริการรับจ้างผลิตเครื่องจักร และชิ้นส่วนของเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรม 4) บริการรับจ้างผลิตชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ  และ 5) การค้าระหว่างประเทศ โดยเป็นการจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นต้น เพื่อค้าส่งในประเทศ 
  
ทั้งนี้เฉพาะเดือนพฤษภาคม 2566 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 57 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 18 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 39 ราย เงินลงทุนทั้งสิ้น 6,690 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 580 คน ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์ รวมถึง มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการควบคุมแรงดันหลุมขุดเจาะปิโตรเลียม องค์ความรู้เกี่ยวกับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม องค์ความรู้ในการใช้เครื่องจักรประกอบล้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ และองค์ความรู้เกี่ยวกับการใช้สารประกอบไฟโตเจนนิกเพื่อทดแทนการใช้ยาปฏิชีวนะ เป็นต้น 

สำหรับธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาตได้แก่ บริการขุดเจาะหลุมปิโตรเลียมภายในบริเวณพื้นที่แปลงสำรวจที่ได้รับสัมปทานในอ่าวไทย,บริการทางวิศวกรรมและเทคนิคในการตรวจสอบและสำรวจความเหมาะสมของพื้นที่เพื่อประเมินศักยภาพในการตั้งโรงไฟฟ้าสำหรับธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม,บริการกิจการซอฟต์แวร์ ประเภท Enterprise Software  และ Digital Content,บริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลการใช้ก๊าซเรือนกระจกในกิจกรรมต่างๆ ของธุรกิจ เป็นต้น