วันที่ 19 มิ.ย.66 เวลา 12.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า นางลัดดา  อายุ 51 ปี พร้อมด้วยตัวแทนชาวบ้านหมู่ 4 ตำบลหงส์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพรรวม 8 คน  นำสมุดเงินฝากกองทุนหมู่บ้านและสมุดสัจจะสะสมทรัพย์ กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต เอกสารบันทึกประจำวันของสภ.สลุย  และรายชื่อชาวบ้านที่เป็นสมาชิกเงินออมทรัพย์ประมาณ 60 ราย เดินทางเข้าพบนายอำเภอท่าแซะ ณ ที่ว่าการอำเภอท่าแซะ เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีร้องขอความเป็นธรรมให้ตรวจสอบเงินกองทุนหมู่บ้าน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสเนื่องจากสมาชิกไม่สามารถถอนเงินและเงินดอกเบี้ยปันผลประจำปีได้  โดยได้รับคำตอบจากคณะกรรมการเงินออมทรัพย์ว่า “ไม่มีเงิน”ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น

ต่อมานายอำเภอท่าแซะมอบหมายให้นายสราวุฒิ  พรหมขุนทอง  ปลัดอำเภอท่าแซะ รับมอบเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมจากตัวแทนสมาชิกกลุ่มเงินออมทรัพย์ เนื่องจากติดภารกิจในพื้นที่ พร้อมกล่าวว่า หลังจากที่ชาวบ้านได้เดินทางมาร้องเรียนเงินกองทุนหมู่ 4 ตำบลหงส์เจริญ ได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก เมื่อชาวบ้านฝากเงินครั้งล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคม 2565  แต่ปรากฏว่าชาวบ้านได้รับสมุดคืนจากคณะกรรมการเพียงไม่กี่คนและไม่สามารถถอนเงินได้ 

โดยได้ทราบข้อมูลว่าคณะกรรมการนั้นมีหลายชุด  ชุดแรกคาดว่าประธานกรรมการยังไม่ลาออก ชุดใหม่มีผู้ใหญ่บ้านเข้ามาทำ ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่มีข้อชัดเจนมากนักและทราบว่าผุ้ร้องนั้นได้ไปร้องกับสำนักงานกองทุนจังหวัดชุมพรด้วยพร้อมทั้งได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ทางอำเภอรับปากว่าจะดำเนินการเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทุกประเด็น หลังจากนี้ให้ผู้เรียกร้องสิทธิ์ไปพบปะที่ศูนย์ดำรงธรรมเพื่อทำหนังสือไว้เป็นหลักฐานอีกครั้ง 

ทั้งนี้ ปลัดอำเภอท่าแซะ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องที่ได้เสนอไปทางจังหวัดแล้วนั้น ต่อจากนี้ทางอำเภอจะติดตามความคืบหน้าและจะนำแจ้งให้ผู้เดือดร้อนได้รับทราบโดยทั่วกัน จากการสอบถามผู้ร้องที่เดินทางมาวันนี้เกิดความพึงพอใจ ทั้งนี้ทางอำเภอทราบเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องที่ดี  ถ้ามีการดำเนินการที่ไม่โปร่งใสในหมู่บ้าน ชาวบ้านก็มีสิทธิ์มีเสียงที่จะดำเนินการในเรื่องดังกล่าว พร้อมทั้งได้มีการนำเสนอข่าวเป็นเรื่องที่ดีเพื่อให้ความเอาใจใส่และให้ความเป็นธรรมแก่ชาวบ้าน  และในเรื่องการขอคืนสมุดนั้นลำดับแรกขอตรวจสอบสมุดที่นำมาเป็นหลักฐานก่อนว่า  ใครเป็นผู้เซ็นรับเงิน ทางอำเภอก็จะติดต่อไปยังผู้รับเงิน แล้วสมุดอยู่ที่ไหนอย่างไร 

สำหรับกองทุนหมู่บ้านหรือเงินออมทรัพย์ ถูกชาวบ้านกลุ่มสมาชิกออกมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมาแล้วครั้งหนึ่ง กลุ่มออมทรัพย์ฯดังกล่าวสมาชิกแจ้งว่าก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2558 โดยประมาณ ชาวบ้านยังให้ข้อมูลที่ไม่ชัดเจนเรื่องของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีกว่า 200 ราย รวมถึงรายชื่อประธานและคณะกรรมการคือใครปัจจุบันมีกี่คนและตัวเลขจำนวนเงินที่หายไปเท่าไหร่กันแน่เพราะคณะกรรมการไม่เคยชี้แจง โดยมีสมาชิกอ้างว่ามีผู้ใหญ่บ้านร่วมอยู่ในกลุ่มคณะกรรมการด้วย 

ซึ่งเมื่อกลางเดือนธันวาคม 2565 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน สมาชิกไม่สามารถฝากเบิกถอนเงินได้ไม่มีความเคลื่อนไหวทางการเงินทั้งหมด แต่ทางด้านคณะกรรมการยังมีการประชุมประจำเดือน ณ ศาลประชุมหมู่บ้านทุกเดือน  เมื่อทวงถามคณะกรรมการเงินออมทรัพย์ฯเรื่องเงินได้รับคำตอบว่ายังไม่มีเงินให้ถอนได้ ทำให้เมื่อต้นปี 2566 สมาชิกทั้งหมดคาดว่าประมาณ 60 รายชื่อที่ได้รับความเดือดร้อนมอบตัวแทนเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด และอำเภอท่าแซะ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหรือหน่วยงานควบคุมกลุ่มออมทรัพย์(กลุ่มสัจจะ)เข้ามาตรวจสอบการทำงานของคณะกกรมการชุดดังกล่าว แต่ทั้งนี้เวลาล่วงเลยมาเป็นระยะเวลานานกว่า 6 เดือน ยังไม่มีความคืบหน้าจึงเดินทางมาทวงถามดังกล่าว” สมาชิกที่ได้รับความเดือดร้อนกล่าว