เมื่อเวลา 13.05 น. วันที่ 19 มิ.ย. 66 ที่อาคารอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล น.ต.ศิธา ทิวารี แกนนำพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีของ “หยก” เยาวชนที่ถูกโรงเรียนชื่อดังไล่ออกให้พ้นสถานภาพนักเรียน ว่า ตนมองว่าเด็กทุกคนไม่ควรจะต้องหลุดพ้นจากระบบการศึกษา ในส่วนของการแสดงออกหากมีการแสดงออกอะไรที่รุนแรง หรือเป็นตัวของตัวเองมากเกินไป ในมุมหนึ่งตนมองว่าเยาวชนก็คือเยาวชน ต้องมีการพูดคุยกัน และมีกลไกวินิจฉัยอย่างตรงไปตรงมา ทางโรงเรียนก็ได้มีการชี้แจงในเรื่องที่มองว่าผิดระเบียบ ไม่ได้เป็นเกณฑ์ที่จะพ้นให้หมดสภาพการเป็นนักเรียน แต่เป็นเรื่องของมอบตัวเกินกำหนดเวลา แต่ในมุมผู้ปกครองโรงเรียนก็ได้รับปากว่าให้เข้าได้ ควรจะมีการเจรจา และมีข้อกำหนดที่ชัดเจนว่า หากพ้นสภาพนักเรียนจะมีอะไรรองรับ หรือจะมีสถานศึกษาใดรองรับ
เมื่อถามว่า ในการพูดคุยกันทั้ง 3 ฝ่าย แต่ไม่พบผู้บริหารของโรงเรียนเข้าร่วมด้วย น.ต.ศิธา กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นรายละเอียด แต่โดยหลักการ เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ที่ต้องพูดคุยกัน เรื่องที่ผิดก็ว่ากันไป การที่จะคาดโทษหรือตักเตือนควรที่จะอยู่ในกรอบ
เมื่อถามต่อว่า ขณะนี้กระแสสังคมตีกลับ เนื่องจากหยกไม่ได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบของโรงเรียน น.ต.ศิธา กล่าวว่า เด็กสู้ในเรื่องของสิทธิเสรีภาพ คนอาจจะเข้าใจว่าเผด็จการอยู่ตรงข้ามกับประชาธิปไตย และสิทธิเสรีภาพก็คือประชาธิปไตย ซึ่งไม่ใช่ ส่วนตัวมองว่าเผด็จการอาจจะอยู่ตรงข้ามกับสิทธิเสรีภาพมากกว่า แต่ประชาธิปไตย คือการที่จะทำอย่างไรให้เราใช้สิทธิเสรีภาพอยู่ร่วมกันในสังคมได้ โดยไม่กระทบกับสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ทั้งนี้ มองว่าสิทธิเสรีภาพที่มากเกินไป อาจจะไปกระทบสิทธิเสรีภาพของคนอื่นได้ ทำให้สังคมไม่มีระเบียบแบบแผน
เมื่อถามถึงการที่ “หยก” ย้อมสีผมและสวมชุดไปรเวท เพื่อแสดงเชิงสัญลักษณ์ต่อระบบอำนาจนิยม น.ต.ศิธา กล่าวว่า เป็นสิ่งที่น้องต้องการจะสื่อกับสังคม ซึ่งก็มีหลายคนที่แสดงเชิงสัญลักษณ์เช่นนี้ ก็มีสิทธิ์ที่จะแสดงออก ผู้ใหญ่ควรรับฟังว่าการแสดงเชิงสัญลักษณ์ก็คือการแสดง แต่สิ่งที่ควรจะแก้ไขให้ถูกต้องก็ต้องแก้ไขให้ถูกต้อง ถ้าไม่ถอยกันคนละก้าว หันหน้ามาคุยกัน สังคมไทยจะเป็นแบบนี้