วันที่ 18 มิ.ย. 2566 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ให้สัมภาษณ์หลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมาโดยพรรคไม่ได้ส.ส.แม้แต่คนเดียวว่า พรรคไทยภักดียังคงอยู่ และจะอยู่บนถนนการเมืองต่อ หากกติกาการเลือกตั้งยังเป็นแบบเดิมคงไม่ลงเลือกตั้ง แต่จะไปเคลื่อนไหวการเมืองภาคประชาชนแทนเพื่อต่อสู้ทางความคิดในเวทีประชาชนแทน เพราะหลังเลือกตั้งได้มีการถอดบทเรียนและประเมินผลเลือกตั้งที่ออกมา จนสรุปว่า 1.รัฐบาลปัจจุบันล้มเหลว 4 เรื่อง เปลี่ยนระบบเลือกตั้งส.ส.แก้เป็น บัตร 2 ใบ สูตรหาร 100   2.คนในรัฐบาลแตกแยกออกมาอยู่กันคนละพรรค ทำให้คนยิ่งเบื่อ 3.เอื้อทุจริตและเอื้อทุนผูกขาด ที่ไทยภักดีก็ออกมาต่อต้านเรื่องพวกนี้ ทั้งเรื่องพลังงาน การสื่อสารผ่านดาวเทียม  และ4.พลาดมากๆ คือฝ่ายรัฐบาลไม่ต่อสู้ทางความคิด มันก็เลยยิ่งสวิงมากขึ้น และมันก็ผลกระทบกับพรรคไทยภักดี  ที่ถูกมองสนับสนุนรัฐบาล

เมื่อถามถึงเส้นทางการเมืองต่อจากนี้ ของพรรคไทยภักดี นพ.วรงค์ กล่าวว่า หลังการเลือกตั้งได้คุยกันว่าเราสู้เขาไม่ได้ ต้องยอมรับ หากกติกายังเป็นแบบนี้อยู่ ยอมรับเลยว่าตนพ่ายแพ้ สู้เขาไม่ได้ ยกเว้นมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม เพราะไม่มีศักยภาพจะไปหาเงินได้เยอะขนาดนั้น ก็เคยบอกกับทีมงานว่า ถ้าแบบนี้เราสู้เขาไม่ได้ คือเขาใช้ทั้งซื้อเสียงหลายกลุ่ม เขาใช้กันเป็นพันล้าน ไม่ใช่แค่หลักร้อยล้านบาท แต่ไทยภักดีเราใช้แค่หลักสิบล้านต้นๆ ไม่มีทางไปเปรียบเทียบได้ ถ้าไทยภักดีจะทำพรรคการเมืองต่อไป ก็เป็นพรรคการเมืองที่ทำการเมืองนอกรัฐสภา ชี้นำประเทศ ชี้นำประชาชนให้เห็นว่าตอนนี้เกิดปัญหาอะไรขึ้นบ้างในประเทศ เราต้องพยายามชี้นำทางความคิด

"วันนี้การต่อสู้ที่รุนแรงคือการต่อสู้ทางความคิด การต่อสู้ด้วยความจริง ข้อเท็จจริง ถ้าสู้แบบนี้ เราสู้เขาได้ และเราจะเห็นบทบาทของพรรคไทยภักดีในบทบาทแบบนี้เด่นชัดขึ้น คือเรายังเป็นนักการเมือง แต่พรรคจะบอกประชาชน จะชี้นำให้ประชาชนได้เห็นว่าอะไรเป็นอะไร ชี้นำความถูกต้อง และหากไปอยู่พรรคอื่น เพียงเพื่อขอให้ได้เป็นส.ส. แล้วมันจะได้อะไร

ผมก็มานั่งนึก จะให้ไปอยู่กับพรรคการเมืองบางพรรค ที่มีอุดมการณ์ปกป้องสถาบันฯตรงกัน แต่ยังทำการเมืองแบบเก่าๆ อยู่ ก็ไม่รู้ว่าจะทำไปทำไม มันไม่ได้ทำให้ประเทศดีขึ้นวันนี้ผมยังไม่เห็นพรรคการเมืองที่ผมถูกใจ แต่ยังสนุกที่จะยังทำงานการเมือง ปกป้องประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน" นพ.วรงค์ กล่าว