บมจ.เดอะแพรคทิเคิลโซลูชั่น (TPS) ส่งสัญญาณแนวโน้มผลงานไตรมาส 2/66 โตเด่น จาก Backlog หนากว่า 1,655 ล้านบาท ฟากผู้บริหาร “บุญสม กิจเกษตรสถาพร” เผย รุกประมูลงานภาครัฐขนาดใหญ่เต็มสูบ แย้มอยู่ระหว่างเจรจา M&A 2-3 ดีล คาดชัดเจนภายในปีนี้อย่างน้อย 1 ดีล มุ่งสู่ “เทค-คอมพานี” รับกระแส “ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน” หนุนผลงานปีนี้นิวไฮต่อเนื่อง

นายบุญสม กิจเกษตรสถาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะแพรคทิเคิลโซลูชั่น จำกัด (มหาชน)  (TPS) ดำเนินธุรกิจเป็นผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษา ออกแบบ จัดหา ติดตั้ง และจำหน่ายผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2566 ยังมีทิศทางที่ดี โดยได้รับปัจจัยหนุนจากงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 1,655 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น Backlog ในส่วนของ TPS กว่า 935 ล้านบาท และของบริษัท เดอะวิน เทเลคอม จำกัด  ซึ่งเป็นบริษัทย่อย 720 ล้านบาท

“แนวโน้มผลงานในครึ่งปีแรกของปีนี้ TPS มั่นใจว่า จะยังสามารถเติบโตได้ดี จากงานในมือที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในส่วนของ TPS ที่เพียงแค่ 2 ไตรมาส งานในมือเกือบจะเท่ากับยอดทั้งปี 2565 และอยู่ระหว่างการประมูลงานใหม่เพิ่มเติมในครึ่งปีหลัง”

นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากการให้บริการดูแลและบำรุงรักษาระบบภายหลังการขาย (Maintenance Service Agreement) ที่รับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าเข้าสู่การเป็น “เทค-คอมพานี” เพื่อรองรับกระแสดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ที่กำลังมาแล้ว โดยบริษัทฯ มีแผนเข้าซื้อกิจการ (M&A) เพื่อต่อยอดธุรกิจ ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจา 2-3 ราย คาดมีความชัดเจนภายในปีนี้ อย่างน้อย 1 ราย สอดรับแผนการก้าวเข้าสู่การเป็น เทค-คอมพานี ผลักดันแนวโน้มผลการดำเนินงานสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง

โดยในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) บล็อกเชน (Blockchain) มาพัฒนาให้ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้า ซึ่ง TPS มีความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์อยู่แล้ว จึงมั่นใจว่า ปัจจัยเหล่านี้จะเป็นส่วนสำคัญในการ สร้าง New S Curve ขณะเดียวกัน เร่งขยายธุรกิจไซเบอร์ซีเคียวริตี้ให้ครบวงจร เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าเดิม และขยายฐานลูกค้าใหม่ ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2566 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2566)  มีรายได้รวม 199.88 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 11.46 ล้านบาท