ปากกาขนนก / สกุล บุณยทัต

"แท้จริงแล้ว...สิ่งที่ทำให้มนุษย์ทั้งหลายทั้งมวลประสบความสำเร็จขึ้นมาได้นั้น..หาใช่ความเฉลียวฉลาดแต่อย่างใดไม่..แต่มันคือ ความอดทนและ ธาตุทรหดของความเป็นชีวิต..นั่นเป็นสิ่งจำเป็นต่อการก่อตัวเป็นรากฐานแห่งลมหายใจของการกระทำ..ที่ตอกย้ำด้วยความเชื่อ และ ลีลาแห่งการมีชีวิตอยู่..เพื่อสนองรับเจตจำนงแห่งจิตวิญญาณของบางสิ่ง..ในการก้าวเดินไปข้างหน้า อย่างมีชีวิต ...ด้วยการสนองรับจากแรงขับที่ประกอบขึ้นทั้งภายในและภายนอก..ตัวตนอันหยั่งรู้และสมบูรณ์.."

 นิยามความคิดข้างต้น คือส่วนลึกแห่งคุณค่าของหนังสือสรรค์สร้างชีวิตงามเล่มหนึ่ง..ในโลกแห่งวรรณกรรมของวันนี้..

"Grit:The Power of Passion and Perseverance"..งานเขียนที่ทรงคุณค่าต่อสำนึกคิด โดย "Angela Duckworth" ...โดยได้เน้นย้ำถึงประเด็นชีวิตในมิติสำคัญที่ว่า..

"มันคือสิ่งที่คุณจำเป็นต้องมี..เมื่อคุณเกิดมาโดยไม่มีแต้มต่อของชีวิต"

ผู้เขียนเป็น ศาสตราจารย์ของ "โรซาลี "และ "เอ็ดเบิร์ก ชาว" แห่งมหาวิทยาลัย เพนซิลเวเนีย...ซึ่งเธอศึกษาถึง ความเข้มงวดและการควบคุมตัวเอง..

เมื่อมี "Grit" อันหมายถึง ความทรหดอดทน..คุณจะรู้ว่า..จากคนที่เขียนนิยายไม่ได้เรื่องเลย..ก็จะกลายเป็นนักเขียนนิยายระดับโลกได้..

จากคนที่ทำอาหารอะไรไม่เป็นจนอายุ 40..ก็จะกลายเป็นเชฟประจำตำนานไปได้..

จากนักเรียนหัวช้า..ก็กลายเป็นนักบินอวกาศแถวหน้าของโลกได้..

จากนักว่ายน้ำที่ว่ายน้ำช้ากว่าใครในเวลาฝึกซ้อม ก็กลายเป็นนักว่ายน้ำชนะเลิศเหรียญทอง ในกีฬาโอลิมปิกได้..

“แองเจลา” เขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา โดยการศึกษาชีวิต จากผู้คนในหลากหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็น ดนตรี กีฬา ธุรกิจ และ วิทยาศาสตร์ จนพบว่า...

...กุญแจสู่ความสำเร็จ..ไม่ใช่ พรสวรรค์ ฐานะ การศึกษา และ ประสบการณ์ที่พวกเขามี แต่เป็นสิ่งที่เรียบง่าย ทว่าทรงพลังกว่านั้นมาก..

มีหลักการสำคัญอยู่ 5 ประการ..ที่ "Grit" สามารถนำชีวิตเราไปสู่ความสำเร็จ..ที่มีคุณค่า..อันน่าค้นหา..นับแต่..

1.โอบกอดความคิดแห่งการเติบโต...นั่นหมายถึงว่า..คนที่มีความคิดถึงการเติบโต มีแนวโน้มที่จะอดทนและมองความล้มเหลวเป็นโอกาส..ในการเรียนรู้และปรับปรุง การนำความคิดเช่นนี้มาใช้..ผู้คนสามารถเอาชนะอุปสรรค และ เติบโตต่อไป...ในการแสวงหาของแต่ละบุคคล..นั่นคือความเชื่อสำคัญที่เน้นย้ำถึงประเด็นที่ว่า.."ความสามารถ" สามารถพัฒนาได้จากความพยายามและการฝึกฝน..

2.ฝึกการปฏิบัติอย่างตั้งใจ..การฝึกปฏิบัติอย่างตั้งใจ..หมายถึงการกระทำอย่างมุ่งมั่น ด้วยการพัฒนาทักษะ ที่เฉพาะเจาะจง...การปฏิบัตอย่างจงใจนี้..เกี่ยวข้องกับการทำลายงานที่ซับซ้อน ให้เป็นส่วนประกอบที่เล็กลง...การแสวงหาควมคิดเห็น และการผลักดันตนเอง ออกจาก "Comfort Zone" โดยการมีส่วนร่วมในการปฏิบัติอย่างจงใจ บุคคลสามารถพัฒนาความชำนาญในสิ่งที่ตัวเองเลือก และปรับปรุงประสิทธิภาพของตนอย่างต่อเนื่อง เมื่อเวลาผ่านไป..

3.ความพยายามและความเพียร สำคัญมากกว่าพรสวรรค์ พรสวรรค์อย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะประสบความสำเร็จ แต่จักต้องเป็นการผสมผสานระหว่างความปรารถนาและความยั่งยืน... เมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งนำไปสู่ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม

"แองเจลา" ได้เน้นย้ำความคิดของเธอถึงการเติบโต ซึ่งแต่ละคนต่างก็เชื่อว่า..ศักยภาพและความสามารถของพวกเขาสามารถพัฒนาได้ ผ่านการทำงานหนัก และ..ความทุ่มเท..

4.พัฒนาความรู้สึกที่ชัดเจนของวัตถุประสงค์..อันหมายถึงการมีความรู้สึกที่แข็งแกร่งของวัตถุประสงค์..ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับการสร้างและรักษาความยั่งยืน.. "แองเจล่า" สนับสนุนให้ผู้อ่านหนังสือของเธอ..ระบุค่านิยมหลักของพวกเขาและเชื่อมโยง..พวกเขาด้วยเป้าหมายที่มีความหมาย เพื่อให้สามารถเข้าใจตนเองได้อย่างชัดเจน จนกระทั่งสามารถยืดหยุ่นและมุ่งมั่น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายนานา..

5.ปลูกฝังความหลงใหลในเป้าหมายระยะยาว..จริงๆแล้ว ความหลงใหลมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาความกล้าหาญ "แองเจลา" ได้เน้นย้ำว่าความหลงใหลมี 2 ประเภท คือ “ความหลงใหล” กับ “ความหลงใหลที่หลงใหล”..มันคือความปรารถนาที่กลมเกลียวเกี่ยวข้องกับความสนใจ ที่ลึกซึ้ง ในกิจกรรมที่สอดคล้องกับค่านิยมหลักของตน ...ในขณะที่ความปรารถนาอันหมกมุ่น ถูกขับเคลื่อนด้วยการตรวจสอบจากภายนอก ซึ่งอาจจะเป็นอันตราย ต่อความสำเร็จในระยะยาว เหตุนี้..คนเราจึงควรปลูกฝังความรักที่กลมเกลียว..โดยการสำรวจความสนใจที่แตกต่างกัน..และการค้นหากิจกรรมที่นำความสุข และ การเติมเต็ม มาสู่พวกเขา..

นัยความหมายอันเต็มรูปของ "Grit".…คือ.ความหลงใหล(Passion) และ ความพยายาม (Perseverance)ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อเป้าหมายระยะยาว

“คนที่มี Grit..จะเป็นคนที่มีความอุตสาหะกระทำตามเป้าหมายต่างๆได้ในระยะยาว แม้ว่าจะต้องเจอความผิดหวังหรืออุปสรรค มากสักเท่าไหร่ก็ตาม"

ในวิถีคิดของ "เเองเจลา" ..ความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นในชีวิตได้นั้น...จึงกอปรด้วย การผสานกัน ระหว่างพรสวรรค์และความพยายาม จนก่อเกิดเป็นทักษะ กระทั่ง ทักษะได้ผสานกับความพยายาม..จึงก่อเกิดเป็น  "ความสำเร็จ" ..วงจรที่ก่อเกิดนี้ได้กลายเป็น.. “การสร้างความทรหดจากภายในสู่ภายนอก..." ..อันประกอบด้วย..ความสนใจ (lnterest) แท้จริงซึ่งเกิดขึ้นเพื่อค้นหา ความหลงใหลอันแท้จริง..โดยลองตั้งคำถามในประเด็นเหล่านี้ว่า.. “ฉันชอบใจลอยไปถึงเรื่องอะไร ฉันใส่ใจในสิ่งใดอย่างแท้จริง ฉันชอบใช้เวลากับสิ่งใด ฉันชอบนึกถึงเรื่องอะไร หรือ ฉันชอบนึกถึงเรื่องอะไร.."

การฝึกฝน(Practice)...อันหมายถึงการนำไปสู่การมี

วินัย(Discipline)..โดยเน้นในความเป็นคุณภาพมากกว่าปริมาณ...มันคือการฝึกฝนแบบจดจ่อ 

(Deliberatel Practice) ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาทักษะได้ดีขึ้น..ด้วยการมีเป้าหมายที่ชัดเจนและท้าทาย /เปิดรับคำติชมได้/ทำซ้ำด้วยการเน้นการครุ่นคิดและการพัฒนา/รวมทั้ง..การเน้นความพยายามและจดจ่ออย่างเต็มที่..

"เทคนิคง่ายไปก็คือ..ให้ฝึกฝน ณ สถานที่เดิม เวลาเดิม โดยกระทำอย่างต่อเนื่อง เป็นอัตโนมัติ..เหมือนเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วเดินไปแปรงฟัน..การฝึกฝนแบบจดจ่อนี้  จะให้ผลลัพธ์ที่พัฒนาขึ้น แม้ผู้ที่ฝึกฝน จะรู้สึกไม่สนุกและมีความสุขในตอนฝึกฝนนักก็ตาม..

*จุดมุ่งหมาย(Purpose)..ในความเชื่อและการมีชีวิตอยู่เพื่อบางสิ่ง(Believe and meaningful of life)..จุดมุ่งหมายนั้นย่อมต่างกัน ความทรหดก็แตกต่างกัน...ผู้ที่มีความทรหดมากกว่า จะมีแรงผลักดันที่แรงกล้ากว่ามาก ในการแสวงหาชีวิตที่มีความหมาย และมุ่งเน้นการกระทำ เพื่อคนอื่น..

มีงานวิจัยหลายชิ้นได้แสดงว่า "หากมีจุดมุ่งหมายที่ทำเพื่อตัวเองและเพื่อสังคมไปพร้อมๆกัน..ในระยะยาวจะทำได้ดีกว่าคนที่มีแรงผลักดัน ที่จะทำเพื่อตัวเองเท่านั้น”

*ความหวัง(Hope) ความหวังในที่นี้หมายถึง..แม้ว่าเรา จะเผชิญกับสถานการณ์ที่แย่แค่ไหน เลวร้ายแค่ไหน แต่เราย่อมมีความหวังว่า "จะสามารถทำได้ดีขึ้นในวันพรุ่งนี้เสมอ"

...ด้วยการฝึกกรอบความคิดแบบพัฒนาได้ (Growth mind Set) โดยการปรับความเชื่อที่เกี่ยวกับความฉลาดและความสามารถ..ว่ากันว่า สมองเราเปลี่ยนแปลงและพัฒนาได้ตลอดเวลา..ขอให้เราพยายามเอาชนะ ความท้าทายใหม่ไปเสมอ/...ลองพูดคุยกับตัวเองและให้มองโลกในแง่ดี/และสุดท้าย..ให้ใช้ความอุตสาหะ ในการเอาชนะความทุกข์ยากทั้งปวง..

ที่สุดแล้ว..มีข้อสรุปจากงานวิจัยที่เน้นย้ำว่า.. “ความทรหดกับความสุขนั้น มีความสอดคล้องกับกัน โดยได้มีการค้นพบว่า..ยิ่งใครสักคนมีความทรหดมากเท่าไหร่..เขาก็จะยิ่งมีสุขภาพจิตที่ดี และมีความสุขที่มากขึ้น..ไม่ว่าจะประเมินในแง่ใดก็ตาม”

การมีความทรหด ได้รับผลสรรุปจากการวิจัยว่า..มันคือการก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง..เนื่องเพราะ “ความทรหดกับความสุขนั้น..มีความสอดคล้องกัน”

หนังสือนี้...ได้จุดประกายให้ก่อเกิดความสนใจในเงื่อนไขของชีวิตที่เติบโตขึ้น..มันจะนำให้ผู้อ่านทุกคนได้พอใจกับงานที่ทำมากขึ้น..จากการค้นพบ(Discovery)สิ่งที่เราสนใจ..ครั้นเมื่อได้ทำสิ่งที่สอดคล้องกับความสนใจ เช่น คนที่ชอบพูดคุยและมีปฏิสัมพันธ์ จะไม่สนุกกับการทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ คนเดียวทั้งวัน..ดั่งนี้ คนที่ทำงานสอดคล้องกับความสนใจของตัวเอง จะมีความสุขกับชีวิตมากกว่า..

การพัฒนาทักษะ(Development)..ในสิ่งที่เราสนใจ จะก่อให้เกิดความละเอียดอ่อนและก่อให้เกิดความเบิกบานใจ..ซึ่งมันจะเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ ก็ต่อเมื่อ เราได้ทำมันอย่างต่อเนื่อง อย่างจริงจัง ด้วยระยะเวลาที่ยาวนานพอสมควร ..

และส่วนที่ต้องกระทำที่ควรใส่ใจที่สุด..ก็คือ การทำในสิ่งที่เราสนใจ จนกลายเป็นชีวิตจิตใจ..

"คนเรามักจะเข้าใจผิดว่า..มันจะต้องมีเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้เราเกิดสิ่งที่ตัวเองรักขึ้นมาได้ในทันที แต่จริงๆแล้วคนส่วนมากใช้เวลานานพอสมควร กว่าที่จะค้นพบในสิ่งที่ตัวเองรัก"

นี่คือความคิดงามที่หนักแน่นจากหนังสือที่มีความยาวเกือบ 400 หน้า ที่สามารถตอกย้ำมโนสำนึก ไม่ให้ขับเคลื่อนผ่านไปอย่างสูญเปล่า.. เป็นองค์ความรู้ในเชิงวิชาการแห่งชีวิต ที่สร้างรอยทางแห่งการปฏิสัมพันธ์ระหว่างโลกภายนอกและโลกภายในอย่างขับขาน ล้ำลึก.ภายใต้กรอบความคิด ที่มุ่งสู่ความสุขและความสำเร็จที่เชื่อมโยงเข้าไว้ด้วยกันอย่างสัตย์ซื่อ..ด้วยวิถีของ "ความทรหด" จนสามารถควบคุมตัวเองได้..

"จารุจรรย์ คงมีสุข" แปลและถอดความสำคัญหนังสือเล่มนี้ออกมาได้อย่างเข้าใจและประณีตยิ่ง..มันคือแนวทางสอนสั่งและเรียนรู้ชีวิต  ที่จำเป็นต้องรับรู้..ในห้วงขณะที่ชีวิตของคนส่วนใหญ่..ไม่มีแต้มต่อในชีวิตแห่งชีวิต เหลืออยู่เลย..!

"ความสำเร็จ จำเป็นต้องอาศัยความทรหดอย่างมหาศาล ซึ่งก็คือ ความหลงใหลและความอุตสาหะ..เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมาย ในระยะยาว..!!!"