บมจ.ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ หรือ TGE นำโรงไฟฟ้าชีวมวล TBP กำลังการผลิต 9.9 MW คว้าใบรับรองคาร์บอนเครดิต จำนวน 88,581 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ตอกย้ำนโยบายด้าน ESG และเสริมรายได้ในอนาคต รอพิจารณาช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อนำคาร์บอนเครดิตจำหน่ายผ่าน Carbon Markets Club
นายพงศ์นรินทร์ วนสุวรรณกุล ประธานกรรมการบริหาร TGE บริษัท ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TGE เปิดเผยว่า จากกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจมุ่งขยายช่องทางสร้างรายได้เพื่อการเติบโตควบคู่กับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม สังคมและการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG) บริษัทฯ จึงนำโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว ขอขึ้นทะเบียนเพื่อรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจก (คาร์บอนเครดิต) จากโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทยแบบมาตรฐาน (Standard T-VER) โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.66 โรงไฟฟ้าชีวมวล ท่าฉาง ไบโอเพาเวอร์ (TBP) ในกลุ่มบริษัทฯ ตั้งอยู่ในอำเภอท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี มีกำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ (MW) ได้รับพิจารณารับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) หรือ TGO โดยมีปริมาณคาร์บอนเครดิตที่ได้รับการรับรอง 88,581 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq) ในช่วงระยะเวลาคำนวณเครดิตของโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.65-28 ก.พ.66
โดยโรงไฟฟ้า TBP นับเป็นโรงไฟฟ้าแห่งที่ 2 ของกลุ่มบริษัทฯ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนรับรองคาร์บอนเครดิตต่อจากโรงไฟฟ้าชีวมวล ท่าฉาง พาวเวอร์ กรีน (TPG) จังหวัดสุราษฎร์ธานี กำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 MW โดยมีปริมาณคาร์บอนเครดิตที่ได้รับการรับรองจำนวน 33,964 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq) ในช่วงระยะเวลาคำนวณเครดิตของโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.64-31 ก.ค.65 ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัทให้สามารถนำคาร์บอนเครดิตไปจำหน่ายผ่าน Carbon Markets Club ที่เป็นศูนย์กลางการซื้อขายคาร์บอนเครดิตในประเทศไทย โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณาช่วงเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากราคาซื้อขายคาร์บอนเครดิตอยู่ในเทรนด์ขาขึ้นและมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้อีกในอนาคต
“ถือเป็นอีกก้าวของการขยายธุรกิจการจำหน่ายคาร์บอนเครดิต หลังจากโรงไฟฟ้าชีวมวล 2 แห่งของกลุ่มบริษัทฯ ได้รับการรับรองคาร์บอนเครดิตแล้ว โดยเป็นอีกหนึ่งช่องทางสร้างรายได้ใหม่ ภายใต้ความมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อร่วมลดภาวะโลกร้อนและสร้างความยั่งยืนแก่สังคม”นายพงศ์นรินทร์กล่าว