เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 มิถุนายน นายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ พานายโจ๊ก (สงวนชื่อ-นามสกุล) ผู้เสียหาย เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. เพื่อเข้าแจ้งความหลักถูกกลุมมิจฉาชีพหลอกลงทุนเทรดหุ้น โดยติดต่อผู้เสียหายผ่านทางแอปพลิเคชั่นติ๊กต็อก สูญเงินไปกว่า 3.5 ล้านบาท

นายโจ๊ก ระบุว่า เหตุการณ์เริ่มขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้มีโทรศัพท์เบอร์ส่วนตัวจากกลุ่มมิจฉาชีพ อ้างว่าเป็นตัวกลางจากติ๊กต็อก โทรมาแจ้งว่ายอดติดตามคนในแอปพลิเคชั่น สูงตามเกณฑ์ที่ระบุไว้ คือ 1,000 คน ขึ้นไป เข้ามาเสนอภารกิจหารายได้เสริมโดยการกดติดตามตามเพจต่างๆที่อีกฝ่ายจะส่งข้อมูลให้ หลังจากที่มีการพูดคุยกันเสร็จสิ้น เมื่อวางสายโทรศัพท์ ก็มีการทักแอปพลิเคชั่นไลน์มาบอกว่า มาจากศูนย์บริการของติ๊กต็อก เพื่อสอบถามว่าอยากทำงานพิเศษร่วมกันกับติ๊กต็อกหรือไม่ จึงตอบปฏิเสธไป ในช่วงแรกของวันที่ 7 พฤษภาคม หลังจากนั้นเกือบ 1 เดือน ตนจึงทักกลับไปเพื่อสอบถามขั้นตอนว่ามีการดำเนินการยุ่งยากหรือไม่ ซึ่งอีกฝ่ายได้ส่งข้อมูลมาพร้อมระบุขั้นตอนว่าไม่ยุ่งยาก เพียงแค่ให้กดติดตามเพจที่อีกฝ่ายส่งมาให้ ซึ่งหากเอาชื่อเพจไปเสิร์ชหาข้อมูลทางติ๊กต็อกก็จะขึ้นหน้าเพจ จากนั้นก็ให้กดเครื่องหมายบวก ซึ่งการกดบวกนี้จะได้ค่าตอบแทนคลิปละ 15 บาท เมื่อกดก็จะได้รับเงินโอนเข้าบัญชี 15 บาท ตามที่ระบุไว้ จากนั้นก็จะมีการส่งคลิปให้อย่างต่อเนื่อง จนตนถูกดึงเข้ากลุ่มกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีสมาชิกอยู่ 60 คน โดยไม่ทราบว่าเป็นหน้าม้าหรือไม่ จากนั้นก็จะมีการส่งงานให้กดติดตามเช่นเดิมเข้าไปในกลุ่ม เมื่อผ่านไปสักระยะก็จะมีการให้อัพเงินเพิ่มขึ้น และตนก็ถูกดึงเข้ากลุ่มเพื่อการลงทุน ซึ่งเงินขี้นต่ำอยู่ที่ 100 บาท ตนจึงลงทุน 100บาท ได้ค่าตอบแทนกลับมา 130 บาท ตามที่อีกฝ่ายระบุไว้

นายโจ๊ก กล่าวอีกว่า หลังจากมีการกดไลค์ในช่องยูทูปเสร็จสิ้น ก็มีการแจ้งเพิ่มวงเงินขึ้นไปอีก จาก 200 บาท 500 บาท ไปจนถึง 5,900 บาท จากนั้นก็จะถูกเชิญเข้าไปทำภารกิจที่อีกฝ่ายอ้างว่าเป็นการเทรด ซึ่งการลงทุนจะเริ่มต้นที่ 5,990 ไปจนถึงหลักแสนบาท ซึ่งการลงทุนของตนจบอยู่ที่หลักล้านบาท แต่ตนถอนเงินออกมาไม่ได้ เพราะถูกอ้างว่าต้องชำระภาษีตามกฎหมาย เป็นยอด 60 เปอร์เซ็นต์หนึ่งยอด และ ยอด 40 เปอร์เซ็นต์ 2 ยอด ตนชำระไปแล้วหนึ่งยอด แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ ส่วนเบอร์โทรศัพท์ที่มิจฉาชีพโทรมาในครั้งแรกนั้น ตนไม่ทราบว่าเอามาจากไหน เพราะไม่เคยโพสต์เบอร์โทรศัพท์ลงในติ๊กต็อกแต่อย่างใด

นายโจ๊ก ระบุว่า การโอนเงินทุกครั้งอีกฝ่ายจะให้ทำภารกิจ ส่วนเรื่องที่ต้องทำให้โอนเงินเพิ่มนั้น อีกฝ่ายแจ้งว่าตนมีข้อผิดพลาด อาทิ ไม่ใส่บันทึกสลิปการโอนเงิน ,ไม่ใส่จุดทศนิยมในสลิป ,หรือ โอนเงินไปผิด เช่นตนโอนไปสองยอด คือ เงินจำนวน 49,900 และ 79,900 บาท อีกฝ่ายบอกว่าผิดขั้นตอนต้องโอนเป็นยอดเดียวกันคือประมาณ 130,000 บาท ตนก็ต้องหาเงินมาใหม่เพื่อมาโอนเงิน และต้องการได้เงินที่ลงทุนไปก่อนหน้านี้คืนมา จนทำให้ขณะนี้ตนสูญเงินไปแล้ว 3,788,215 บาท ภายในเวลา 3 วัน

ด้าน พล.ต.ท.วรวัฒน์ ระบุว่า เรื่องนี้ทาง สอท.จะเร่งตรวจสอบเส้นทางการเงินและพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อไป พร้อมฝากเตือนประชาชนว่าอย่าหลงเชื่อ พวกหลอกให้ซื้อขายสินค้าหรือทำภารกิจในออนไลน์ ตอนนี้ยอดแจ้งความอาชญากรรมเทคโนโลยีต่อวันทะลุ 700 ราย ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อกลุ่มหลอกลวงเหล่านี้ 

ขณะที่ พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ระบุว่า คดีนี้หากสามารถไล่อายัดเงินทัน ก็สามารถนำเงินคืนมาได้ แต่ยอมรับว่ายาก เพราะคนร้ายมักจะรีบโอนเงินส่งต่อไปแปรสภาพเป็นสินทรัพย์อื่นแล้ว สิ่งสำคัญคือป้องกันตนเอง อย่าตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อ ไม่มีงานไหนที่ต้องโอนเงินก่อนถึงจะได้เงิน ไม่มีอยู่จริง รวมทั้งเสริมว่า ผู้เสียหายหากรู้ตัวว่าถูกหลอก ให้รีบแจ้งธนาคารเจ้าของบัญชีดำเนินการอายัดบัญชีได้ 3 วัน โดยระหว่างนี้ให้รีบแจ้งตำรวจไซเบอร์หรือตำรวจท้องที่เพื่อให้อายัดบัญชีต่ออีก 7 วัน ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.ก.ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือสามารถโทรมาที่สายด่วน 1441 ของตำรวจไซเบอร์เพื่อแจ้วความร้องทุกข์หรือตรวจสอบข้อมูลที่อาจจะถูกผู้เสียหายหลอกได้ตลอด 24 ชั่วโมง